1 เดือนยังไร้วี่แววพระเด็จหายตัวบนเขาขี่ควายอ.นครไทย

เวลา 13.00 นวันที่  16 มกราคม 2562 ที่สภ. นครไทย จังหวัดพิษณุโลก  พลตำรวจตรีถาวร แสงฤทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลกเป็นประธานประชุม ร่วมกับหลายหน่วยงานทั้งทหาร ตำรวจ ปกครองอำเภอนครไทย เพื่อคลี่คลายกรณี พระสมเด็จ   เปสโล (คงกระพันธุ์) อายุ 56 ปี พระลูกวัดของวัดบ้านพร้าว ต.บ้านพร้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 17 ธ.ค.2561 บนเทือกเขาผาขี้ควาย  ขณะเดินขึ้นไปสวดมนต์บนเขาขี่ควายที่ตำบลบ้านพร้าวอำเภอนครไทย

คดีพระ สมเด็จหายตัวเป็นปริศนาทางญาติคือนางบุญศรี ขำมี  ภรรยา พระเด็จ และนางช่อเพชร  นวลวัน บุตรสาวของพระเด็จยังคงติดใจประเด็นการหายตัวไปของพระเด็จ ทั้งคู่เดินทางไปร้องเรียนตำรวจกองปราบปรามและผบ.ทบ.เพื่อให้ช่วยเหลือคลี่คลายคดี เพราะจากการระดมจนท.และชาวบ้านค้นหามาหลายวันตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2561 แต่ก็ไม่พบวี่แวว

ในภาคบ่ายวันนี้พล.ต.ต.ถาวร  แสงฤทธิ์ ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก ได้ประชุมด่วนร่วมกับ พ.อ.นพดล  วัชรจิตบวร รองเสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 39 และรองเสนาธิการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จ.พิษณุโลก (รอง เสธ.กกล.รส.จว.พิษณุโลก) กองทัพภาคที่ 3 ได้รับคำสั่งจาก ผบ.ทบ.ให้เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริง   จนท.ฝ่ายปกครองอำเภอ  พนักงานสอบสวน ชุดสืบสวนที่สภ.นครไทยเพื่อคลี่คลายประเด็นข้อสงสัยและการติดใจของญาติ โดยเชิญภรรยาและบุตรสาวของพระเด็จ เข้าไปให้ข้อมูลด้วย ใช้เวลาประชุมประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นผบก.ภ.จว.พล.ได้เชิญสื่อมวลชนมาเปิดเผยความคืบหน้าของการติดตามตัวพระเด็จ

พล.ต.ต.ถาวร  แสงฤทธิ์ ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก เปิดเผยว่า กรณีพระเดชหายตัวบนเขาขี่ควายต.บ้านพร้าว อ.นครไทย ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ ที่ผ่านมามีการระดมการค้นหาร่วมกันทุกฝ่ายแต่ไม่พบหลักฐานหรือเบาะแสใด ๆ ว่าพระเด็จหายตัวไปที่ไหนอย่างไร เสียชีวิต หรือ ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ วันนี้ได้เชิญญาติของพระเด็จมาร่วมประชุมด้วย เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมในกรณีที่ญาติยังติดใจสงสัยในทุกประเด็น เพื่อที่พนักงานสอบสวนจะได้เรียกสอบพยาน รวบรวมพยานหลักฐาน ให้คลี่คลายกระจ่างตอบคำถามญาติได้ และยังเป็นไปได้ในหลายกรณี ทั้งฆาตรกรรมอำพราง หรือ พระเด็จหายตัวหลยหนีไปเอง หรือ อาจจะเสียชีวิตไปแล้ว ขณะนี้จะแจ้งตำหนิรูปพรรณคนหาย ส่งไปที่ศูนย์คนหาย ให้จังหวัดใกล้เคียงติดตามคนหาย ส่วนกรณีที่จะเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรือไม่นั้น ก็ยังไม่ตัดประเด็นทิ้ง เพราะผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวข้อง ตรวจฉี่แล้วพบสารเสพติดในตัว  ตนจะไล่ติดตามความคืบหน้าทุกสัปดาห์พร้อม ๆ กับญาติ จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนอย่างต่อเนื่อง

นางบุญศรี ขำมี  ภรรยาของพระเด็จ เปิดเผยว่า มาร่วมประชุมวันนี้มีความหวัง 50 % ที่จะพบหรือไม่พบตัวพระเด็จ แต่ก็เป็นความหวังสุดท้ายแล้ว ที่ญาติอยากพบตัวพระเด็จไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่หรือไม่  ที่ผ่านมาพระเด็จ มาบวชที่วัดบ้านพร้าวได้ประมาณ 11 เดือนแล้ว และเป็นคนในพื้นที่ ไม่เชื่อว่าจะออกไปที่อื่นเอง เพราะแม้แต่ขึ้นรถโดยสารก็ยังขึ้นไม่เป็น

นางช่อเพชร  นวลวัน บุตรสาวของพระเด็จ เปิดเผยว่า  มาประชุมร่วมกับตำรวจวันนี้ ตำรวจก็รับว่าจะตามทุกประเด็นที่เราสงสัย ก็มีความพอใจ คงต้องปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมสอบสวนพยานหลักฐานเพิ่มเติม คิดว่าน่าจะเจอตัวพระเด็จ

ต่อมาเวลา 16.00 น. พ.อ.นพดล  วัชรจิตบวร รองเสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 39 ได้เดินทางไปที่วัดบ้านพร้าว ต.บ้านพร้าว อ.นครไทย วัดที่พระเดชสังกัดอยู่ ได้พบกับพระครูพิบูลธรรมวงศ์ เจ้าอาวาสวัดบ้านพร้าว และเจ้าคณะอำเภอนครไทย สอบถามถึงการหายตัวไปของพระเดช ที่ขึ้นไปร่วมสวดมนต์บนเขาขี่ควาย พร้อมกับเชิญฝ่ายปกครอง ฝ่ายสาธารณสุข มาร่วมตรวจสารเสพติดในปัสสาวะพระภิกษุในวัดบ้านพร้าว เนื่องจากพระอำนาจ หรือ ทิดนาจ ที่เป็นผู้ต้องสงสัย เป็นพยานบุคคล ที่ขึ้นไปกับพระเด็จก่อนพระเด็จหายตัวไปเมื่อ 17 ธันวาคม 25611  ถูกตรวจสารเสพติดและถูกสึกจากพระอยู่ในบำบัดสารเสพติดไปแล้ว และวันนี้มีการตรวจปัสสาวะพระภิกษุ 6 รูป พบ 1 รูป มีสารเสพติดในปัสสาวะ เจ้าตัวยอมรับว่ารับยาบ้ามาจากทิดอำนาจที่สึกไปแล้ว และเสพจริง เจ้าหน้าที่จึงให้เจ้าอาวาสดำเนินการสึกและนำส่งสภ.นครไทย บันทึกเป็นผู้เสพเข้าสู่ขั้นตอนการบำบัดต่อไป

……………………………………………………………………………………

แสดงความคิดเห็น