วันที่ 4 ธันวาคม 2561 พันเอกรุ่งคุณ มหาปัญญาวงศ์ โฆษกกองทัพภาคที่ 3 แถลง การจัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ระดับภาคขึ้น โดยพลโท ฉลองชัย ชัยยะคำ แม่ทัพภาคที่ 3 ได้มอบหมายให้ กองทัพน้อยที่ 3 จัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันระดับภาค ส่วนหน้า (ศอ.ปกป.ภาค สน.) ที่ค่ายพระปิ่นเกล้า อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ขึ้น โดยมีภารกิจในการวางแผนการปฏิบัติของชุดรณรงค์ป้องกันไฟป่าและหมอกควัน ทั้ง 14 ชุด รวมทั้งอำนวยการและบูรณาการ การแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ร่วมกับศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ระดับจังหวัด ในห้วงวันที่ 1 ธันวาคม 2561 – 30 เมษายน 2562 เพื่อประสานงานกับหน่วยราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ร่วมรณรงค์สร้างจิตสำนึก ให้ความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน ในการเฝ้าระวัง แจ้งเตือนการเกิดไฟป่าและป้องกัน มิให้เกิดไฟป่าขั้นรุนแรง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพ อนามัยสิ่งแวดล้อม และสภาวะเศรษฐกิจของพื้นที่ภาคเหนือ 
โฆษกกองทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน ในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ (จ.ตาก , จ.แม่ฮ่องสอน , จ.เชียงใหม่ , จ.ลำปาง , จ.น่าน , จ.พะเยา , จ.ลำพูน , จ.แพร่ และ จ.เชียงราย) มีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่ก็ยังคงส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และการดำเนินชีวิตของประชาชน สาเหตุและปัจจัยที่ทำให้การเกิดไฟป่าและหมอกควันที่สำคัญ ได้แก่ การเผาป่าเพื่อหาของป่าและล่าสัตว์, การเผาทำลายเศษวัสดุเหลือใช้จากการเกษตร โดยไม่มีการจัดระเบียบการเผาที่ดีพอ ตลอดจนการเกิดหมอกควัน ข้ามแดนมาจากประเทศเพื่อนบ้าน เป็นต้น ในปีงบประมาณ 2562 นี้ แม่ทัพน้อยที่ 3 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันระดับภาค ส่วนหน้า มีแนวทางดำเนินการ 3 ห้วง ได้แก่ 1. ห้วงก่อนประกาศห้ามเผาเด็ดขาด (ชิงเผา) 2. ห้วงประกาศห้ามเผาเด็ดขาด (60 วันอันตราย) 3. ห้วงหลังประกาศห้ามเผาเด็ดขาด โดยให้ผู้นำท้องที่/ท้องถิ่น กำกับดูแลและควบคุม เพื่อให้เป็นไปตามแผนและห้วงเวลาที่กำหนด ตลอดจนมีการประชาสัมพันธ์ รณรงค์ทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ได้มีการสำรวจแล้วพบว่าปัญหาหมอกควันกำลังเริ่มก่อปัญหาบ้างแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ได้เฝ้าจับตากันอย่างต่อเนื่อง หากมีเหตุการณ์ไฟป่าก็จะประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการช่วยกันดับไฟป่าดังกล่าว
////////////