เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 61 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีคนเก็บพระสมเด็จเอาไว้ ปรากฏว่ามีแสงรอบองค์เปล่งประกายเรืองแสงในยามค่ำคืนหรืออยู่ในที่มืด จึงได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 95/6 ถนนสิงหวัฒน์ อ.เมืองพิษณุโลก พบนายชา ขิมทศกัณฐ์ อายุ 52 ปี ได้พาเข้าไปภายในห้อง ซึ่งสะสมพระเครื่องทั้งห้องนับหมื่นองค์ ซึ่งทั้งหมดจะเป็นพระพิมพ์สมเด็จ มีทั้งเก่าและใหม่จำนวนมาก ใส่กรอบ ใส่ตู้กระจก และติดเป็นรูปองค์พระที่ผนัง และยังวางตามชั้นต่างๆอีกมากมาย
จากการเปิดเผยของนายชา ได้เล่าให้ฟังว่า ตนเองไม่ได้เป็นเซียนพระแต่อย่างใด อาชีพหลักที่บ้านเปิดเป็นโรงเรียนสอนดนตรี เป็นอาชีพหลักมาช้านานแล้ว ก่อนจะมาสะสมพระสมเด็จ โดยเมื่อ 20 กว่าที่ผ่านมา พลโทเกรียงไกร นุชภักดี ปัจจุบันเกษียณอายุราชการแล้ว ได้ให้พระสมเด็จกับตนมาจำนวน 1 องค์ จึงเกิดความคิดตั้งแต่นั้นมาว่า จะเก็บสะสมพระสมเด็จทุกแบบทุกพิมพ์ ไม่ว่าจะเป็นรุ่นใหม่ รุ่นเก่า เท่าที่จะหาได้ จนถึงปัจจุบันมีมากกว่า 1 หมื่นองค์ และเคยนำไปประกวดติดรางวัลที่ 1 มาแล้วหลายองค์
นายชา กล่าวว่า ทุกวันตนจะเข้าไปคลุกคลีดูพระสมเด็จอยู่เสมอ จนบางวันอยู่ในห้องพระจนมืดค่ำ จากนั้นจะปิดไฟเพื่อขึ้นไปนอนพักผ่อน แต่มีอยู่วันหนึ่ง เมื่อวันที่ 22 พ.ย. ที่ผ่าน ซึ่งเป็นวันพระ ตอนเย็นตนเข้าไปอยู่ในห้องพระสมเด็จจนดึก ก่อนจะขึ้นไปนอนจึงปิดไฟ แต่ปรากฏว่าที่ตู้วางพระสมเด็จ มีเรืองแสงส่องออกมา ด้วยความตกใจจึงเปิดใหม่ดู แต่แสงก็หายไป จึงลองปิดใหม่อีกครั้ง พบว่าเรืองแสงออกมาจากพระสมเด็จ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ จึงนำพระสมเด็จองค์นั้นมาดู ซึ่งเป็นพระสมเด็จ สร้างเมื่อปี 2398 เป็นพิมพ์พระประธานวัดระฆัง และนำไปฝากกรุที่วัดบางขุนพรหม
นายชา ขิมทศกัณฐ์ กล่าวว่า ตนสะสมพระสมเด็จมานกว่า10 ปี หมดเงินไปจำนวนมาก และไม่เคยปล่อยพระให้ใครบูชา ที่ผ่านมาจะเก็บสะสมอย่างเดียว แต่ก่อนก็ไม่เคยคิดว่าจะสะสมมากขนาดนี้ แต่จิตใจที่ตั้งแน่วแน่ว่าจะเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ อนุรักษ์ พุทธศิลป์ เพื่อให้ชนรุ่นหลังหรือผู้ที่ต้องการศึกษาความเป็นมาของพระสมเด็จ ได้เรียนรู้สืบทอดให้กับลูกหลานยุคหลังๆต่อไป