เมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 26 พ.ย. 2561 ด.ด.บวรชัย พูลชู ผบ.หมู่ ป. สภ.เมืองพิษณุโลก ปฏิบัติหน้าที่สายตรวจตำบลบ้านป่า รับแจ้งมีคนร้ายก่อเหตุลักทรัพย์สินภายในรถยนต์ของชาวบ้าน ที่จอดไว้ริมทุ่งนาใกล้ถนนทางลูกรังเลียบคลองชลประทาน พื้นที่ หมู่ 2 บ้านบึงไทร ต.บ้านป่า อ.เมืองพิษณุโลก หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบพบกับผู้เสียหายกำลังอยู่ในอาการตกใจ ทราบชื่อต่อมา คือ นางทองใบ น้อยนึ่ง อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 184/2 หมู่ 4 ต.สมอแข อ.เมืองพิษณุโลก และ น.ส.ชลธิชา น้อยนึ่ง อายุ 24 ปี ซึ่งเป็นอาหลานกัน ก่อนพาตำรวจไปดูรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ แบบ 4 ประตู สีบรอนซ์-เงิน ทะเบียน กพ 2514 พิษณุโลก ซึ่งถูกคนร้ายใช้ของแข็งงัดกระจกฝั่งคนขับจนแตกละเอียด ก่อนขโมยทรัพย์สินได้ของมีค่าเป็นกระเป๋าหิ้วแบบผู้หญิงสีน้ำเงิน ซึ่งภายในมีเงินสดจำนวนหนึ่ง สร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท จี้เลี่ยมทอง บัตรเครดิตและบัตรเอทีเอ็มหลายใบ พร้อมพระรูปหล่อหลวงพ่อพันธ์ วัดบางสะพาน รวมมูลค่าไม่ต่ำกว่า 80,000 บาท หลบหนีไปอย่างลอยนวล และทิ้งไขควงที่ใช้ก่อเหตุตกอยู่ในรถคันดังกล่าว จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานสำคัญในคดี
จากการสอบสวน นางทองใบ น้อยนึ่ง ผู้เสียหาย ให้การว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมาตนเองพร้อมกับ น.ส.ชลธิชา น้อยนึ่ง หลานสาว ได้พากันขับรถกระบะมาจอดที่ริมทุ่งนาเพื่อนำปุ๋ยและยาฆ่าแมลงมาฉีดพ่นในนาข้าวตามปกติ หลังจากช่วยกันได้ประมาณ 1 ชั่วโมง ก็แล้วเสร็จจึงเดินกลับมาที่รถกระบะที่จอดทิ้งไว้ริมถนนลูกรังเลียบคลองชลประทาน แต่ต้องตกใจสุดขีดเมื่อพบว่ากระจกฝั่งคนขับถูกคนร้ายใช้ของแข็งงัดจนแตกละเอียด และทรัพย์สินของมีค่าในรถหายไปหลายรายการ จึงรีบโทรศัพท์แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และโทรไปอายัดบัตรเอทีเอ็มกับธนาคารทันที เนื่องจากมีเงินอยู่ในบัญชีหลายแสนบาท ซึ่งขณะเกิดเหตุตนเองและหลานสาวไม่ได้สังเกตว่ามีคนร้ายแอบมางัดรถกระบะแต่อย่างใด เพราะมัวแต่ช่วยกันฉีดพ่นปุ๋ยและยาฆ่าแมลงในนาข้าว คนร้ายจึงสบโอกาสขับขี่รถจักรยานยนต์มาจอดดับเครื่อง แล้วเดินย่องมางัดกระจกฉกทรัพย์สินไปได้ดังกล่าว ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แนะนำให้ผู้เสียหายไปแจ้งความเอาไว้ก่อนที่ สภ.เมืองพิษณุโลก พร้อมจะประสานตำรวจพิสูจน์หลักฐาน 6 เก็บรอยนิ้วมือแฝงของคนร้ายรายนี้ เพื่อเร่งจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
………………………………………………………………………………………………………….