วันที่ 7 พฤศจิกายน 2561 ต่อเนื่องจากเหตุการณ์ชาวอุตรดิต์ถูกหลอกให้ทำข้าวกล่องส่งโรงงาน โดยมีหญิงสาวชาวอุตรดิตถ์รายหนึ่งมาติดต่อให้ทำข้าวกล่องส่งโรงงานนับหมื่นกล่อง แต่เมื่อทำจริงแล้วกลับไม่มารับ ทำให้สูญเงินลงทุนจำนวนมาก ที่พิษณุโลก มีชาวพิษณุโลกรายหนึ่ง คือคุณมด น.ส. อำภาพร ดอนคำไพ อายุ 31 ปี เป็นเหยื่ออีกรายหนึ่งที่เคยหลงกลไปร่วมธุรกิจทำข้าวกล่องส่งโรงงานที่จ.อุตรดิตถ์เมื่อกลางปี 2560 แม้จะไหวตัวถอนตัวออกมาได้ทัน แต่ก็สูญเงินไป 100,000 บาท ได้ออกมาเปิดเผยกับสื่อมวลชนเพื่อเป็นอุทธาหรณ์ให้ประชาชนได้รับทราบ รู้เท่าทัน จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อเสียเงินเช่นตน
น.ส.อำภาพร ดอนคำไพ เหยื่อธุรกิจข้าวกล่องลวงโลก เปิดเผยว่า เดิมตนประกอบอาชีพเสริมสวยในเขตตัวเมืองพิษณุโลก และได้รู้จักลูกค้าคนหนึ่ง ชื่อ อิ๋ว อายุประมาณ 30-35 ปี จะมาใช้บริการต่อผมกับตนเป็นประจำ ต่อมาตนเลิกกิจการ แต่ก็ยังคงติดต่อกับคุณอิ๋วต่อเนื่อง เป็นผู้หญิงที่ลักษณะแต่งตัวดี ทำตัวมีฐานะ ทำธุรกิจหลายอย่าง กระทั่งได้ไปที่บ้านคุณอิ่วและเห็นคนทำกับข้าวกัน คุณอิ่วบอกว่าทำกับข้าวส่งโรงงานในอุตรดิตถ์ วันละ 10,000 กล่อง ได้สัมปทานมา ช่วงนั้นจึงถูกชักชวนว่า ให้มาร่วมทำธุรกิจข้าวกล่องส่งโรงงานกัน จะมีผลตอบแทนที่ดีมาก กระทั่งกลางปี 2560 จึงตัดสินใจร่วมธุรกิจ โดยต้องไปทำข้าวกล่องที่จังหวัดอุตรดิตถ์ เริ่มจากต้องทำค่าเปลี่ยนสัญญาจำนวนเงิน 20,000 บาท และค่าซื้ออุปกรณ์ทำกับข้าว ที่ต้องซื้อกับคุณอิ๋ว จึงโอนเงินให้ไปจำนวน 100,000 บาท ซึ่งทุกอย่างต้องซื้อจากคุณอิ๋ว ได้หม้อ 20 ใบ เตา 10 เตา ( หลังจากเลิกสัญญา ได้หม้อหุงต้มกับมา 5 ใบ กับเตาแก็ส 2 ใบ ) วันที่ 26 มิถุนายน 2560 จากนั้นผ่านไปประมาณเดือนครึ่งช่วงเดือนสิงหาคม 2560 จึงได้เริ่มต้นทำข้าวกล่องอย่างจริงจัง
โดยไปเช่าบ้านอยู่ที่พญาแมน จังหวัดอุตรดิตถ์ เดือนละ 5,000 บาท เพื่อทำธุรกิจข้าวกล่องส่งโรงงาน ได้ว่าจ้างคนในพื้นที่มาร่วมทำกับข้าว เริ่มจากวันละ 100-200 กล่อง ราคาขายกล่องละ 50 บาท ซึ่งเริ่มต้นที่ทำข้าวกล่องส่งให้ ยังได้เงินกลับคืนมา ลงทุนค่าวัตถุดิบค่าแรงวันละประมาณ 5,000 บาท ได้เงินกับมาวันละ 7,000-9,000 บาท โดยทำช่วงแรก มีทั้งมีคนมารับถึงบ้านเช่าของตน บางวันก็ให้ไปส่งที่บ้านผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ และเมื่อทำข้าวกล่องส่งมาได้ 4 วัน เริ่มสะกิดใจ เพราะได้ตามไปถามและได้ข้อมูลจากชาวบ้านว่า ข้าวกล่องที่ตนทำไปนั้น ไม่ได้นำไปส่งโรงงานใด ๆ เลย แต่กลับเป็นว่า ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านนำไปแจกให้กับชาวบ้านในพื้นที่ วันไหนข้าวกล่องเหลือแจกไม่หมด ก็จะนำไปทิ้งแม่น้ำแถวนั้น จึงรู้ตัวว่าไม่ได้ทำข้าวกล่องส่งโรงงานจริง น่าจะเป็นกระบวนการอะไรสักอย่าง จึงถอยออกมา และบอกกับคุณอิ๋วว่า ไม่ทำแล้วธุรกิจข้าวกล่องส่งโรงงาน อยากกลับไปทำธุรกิจที่บ้าน เพื่อที่จะไม่ถลำลึกลงทุนเพิ่มอีก เพราะตอนนั้นคุณอิ๋วเสนอมาว่า มีให้ทำสัญญาทำข้าวกล่องส่งโรงงานอีก 10,000 กล่อง แต่ต้องทำสัญญาอีก 200,000 บาท และต้องลงทุนอีกจำนวนมาก จึงบอกเลิก ตอนนั้นได้ค่าเปลี่ยนสัมปทานกลับคืนมา 20,000 บาท ส่วนเงินลงทุนค่าอุปกรณ์ 100,000 บาทนั้น ได้กลับมาแค่หม้อแกง 5 ใบ กับเตาแก๊สหุงต้ม 2 ใบ จากนั้นจึงกลับมาที่พิษณุโลก และบอกกับคนที่รู้จักกันว่าโดนหลอกนะ กระทั่งวานนี้เห็นข่าวที่อุตรดิตถ์จึงรู้ว่าเป็นคนเดียวกันที่มาหลอกตน
น.ส.อำภาพร เผยต่อว่า ตนเป็นผู้เสียหายที่โดนน้อยที่สุดแล้ว ช่วงนั้นเห็นคนทำกับข้าวกันหลายราย ลงทุนซื้อสัมปทานกันเป็นคนละล้านบาทก็มี ส่วนใหญ่เป็นคนที่มาจากภาคใต้ในช่วงนั้น มาทำที่จังหวัดอุตรดิตถ์ เสียหายกันเยอะมาก ซึ่งหลังจากเลิกการทำข้าวกล่องแล้ว ตนได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่สภ.พญาแมน จ.อุตรดิตถ์ แต่ก็ไม่ได้ติดตามความคืบหน้าทางคดีใด ๆ
ถือเป็นบทเรียนอย่างมากที่ไว้ใจคนที่เราไม่ได้รู้จักมานาน เราไม่ศึกษาข้อมูลให้ดีว่าเขาส่งที่ไหน การทำสัญญา ก็ไม่เห็นตัวสัญญา เสียเงินไปประมาณ 100,000 บาท ที่ออกมาพูดวันนี้เพราะไม่อยากให้ใครไปเชื่อการทำธุรกิจข้าวกล่องว่ามันมีจริง มันไม่มีโรงงานที่จะมารับข้าวกล่องไม่จริง เราเป็นคนพิษณุโลก เขาจะบอกว่าโรงงานอยู่ที่อุตรดิตถ์ ส่วนคนอุตรดิตถ์ เขาก็จะบอกว่าโรงงานอยู่ที่พิษณุโลก
…………………………………………………………………………………………………………