เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 24 ต.ค.2561 ร.ต.อ.นิพนธ์ สุทธหลวง รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถเก๋งเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์และรถกระบะทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส บนถนนเส้นบึงพระ-พิษณุโลก ใกล้เคียงแยกทางข้ามรถไฟก่อนถึงสะพานมุ่งหน้าสนามบิน หมู่ 2 ต.บึงพระ อ.เมือง จ.พิษณุโลก หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยประสาทบุญสถาน ที่เกิดเหตุพบรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีบรอนซ์-เงิน หมายเลขทะเบียน กว 5587 พิษณุโลก ชนอยู่กับเสาไฟฟ้ารายทางในสภาพด้านหน้าพังยับเยิน โดยมีนายสันติ มาทอง อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 127 ม.1 ต.ท่าทอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก เป็นผู้ขับขี่ ซึ่งขณะนั้นได้หลบหนีลงไปซ่อนตัวอยู่บริเวณคูน้ำข้างทางก่อนเจ้าหน้าที่จะสามารถนำตัวขึ้นมาได้
นอกจากนี้ห่างออกไปประมาณ 5 เมตร บริเวณกลางถนนพบรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน บพ-660 พิจิตร อยู่ในสภาพด้านท้ายถูกชนอย่างแรง ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่นเวฟ 125x สีขาว หมายเลขทะเบียน ขจล-202 พิษณุโลก มีร่องรอยถูกเฉี่ยวชนล้มคว่ำอยู่กลางถนน โดยมีนายทรงชาย ดิลกธรรมเดชา อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27/11 ม.8 ต.บึงพระ อ.เมือง จ.พิษณุโลก เป็นผู้ขับขี่ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัสนอนหมดสติอยู่บริเวณเสาไฟฟ้าข้างทาง เจ้าหน้าที่เร่งปั้มหัวใจเพื่อยื้อชีวิตก่อนส่งรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลพุทธชินราช แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวจึงเสียชีวิตในเวลาต่อมา
จากการสอบถาม นายอำพนธ์ ฉิมเสือ อายุ 21 ปี เจ้าของรถกระบะ ให้การว่า ตนเองขับรถมาทางตรงเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุก็ถูกรถเก๋งของนายสันติ มาทอง คู่กรณีพุ่งชนท้ายเข้าอย่างจังก่อนที่รถเก๋งจะพุ่งชนเสาไฟได้รับความเสียหายไปต่อไม่ได้ โดยมีพลเมืองดีที่เป็นพยานยืนยัน คือ นางโนรี บัวตรี อายุ 43 ปี ที่ขับขี่รถตามมาชะลอความเร็วและเห็นรถจักรยานยนต์ลมคว่ำอยู่กลางถนนแต่ไม่เห็นคนขี่ จึงจอดรถลงไปตามหาก็พบว่ามีผู้รับบาดเจ็บหมดสติอยู่บริเวณเสาไฟฟ้าข้างทาง จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าให้การช่วยเหลือ
ส่วน นายสันติ มาทอง คนขับรถเก๋งคันเกิดเหตุ ได้ยอมรับว่าตนเองขับรถมาด้วยความเร็วและควบคุมรถเอาไว้ไม่อยู่ จึงพุ่งชนท้ายรถจักรยานยนต์อย่างจัง จนคนขับกระเด็นขึ้นบนหลังคาก่อนร่วงไปข้างทาง จากนั้นรถได้เสียหลักพุ่งชนท้ายรถกระบะอย่างจัง ทำให้พุ่งชนเสาไฟฟ้าข้างทางจนรถไม่สามารถไปต่อได้ ด้วยความตกใจทำอะไรไม่ถูกกลัวความผิดจึงรีบวิ่งหนีไปหลบซ่อนในคูน้ำข้างทาง ก่อนถูกควบคุมตัวขึ้นมาได้ในที่สุด ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ก่อเหตุไปตรวจวัดหาปริมาณแอลกอฮอล์และสารเสพติดในร่างกายเพื่อเป็นหลักฐานดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนศพผู้เสียชีวิตจะติดต่อแจ้งญาติให้มารับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลตามพิธีทางศาสนาต่อไป.
…………………………………………………………………………….