เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2561ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิฑูรย์ วรโชติพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดพิษณุโลกพร้อมทีมกลุ่มงานป้องกันการทุจริต ลงตรวจสอบโครงการก่อสร้างสวนสาธารณะใจกลางเมือง บริเวณสถานีตำรวจภูธรพิษณุโลกเดิม หลังจากชาวพิษณุโลก เผยแพร่โจมตีทางโลกโชเซียล ในลักษณะปิดกั้นห้ามไม่ให้เข้าไปในบริเวณดังกล่าว และมีราคาสูงมากเกินไป
นายวิฑูรย์ กล่าวว่า ตรวจสอบข้อเท็จจริงพบ อยูในระหว่างประกันสัญญา ส่วนผู้วิพากษ์วิจารณ์ผ่านโซเชียลนั้น ตนจึงพานายกัฬชัย เทพวรชัย โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพิษณุโลก และเจ้าหน้าที่เทศบาลนครพิษณุโลกในฐานะเจ้าของพื้นที่ไปร่วมตรวจงานด้วย
นายกัฬชัย เทพวรชัย กล่าวว่า ความจริงการก่อสร้างลานหญ้าและลานคอนกรีตใช้งบพัฒนาจังหวัด ในเฟสที่ 3 ในการดำเนินการก่อสร้าง มีการประมูลสู้ราคากัน จากวงเงิน 15,000,000 บาท เหลือ 14,400,000 บาท และทางเทศบาลนครเป็นผู้ว่าจ้างมหาวิทยาลัยนเรศวรออกแบบ ให้มีความแข็งแรงและสวยงาม โดยมีการตอกเสาเข็ม มีระบบสปริงเกอร์อัตโนมัติ และระบบปั๊มน้ำใต้ดิน ติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้า เพื่อไม่ให้สนามลอยตัวบดบังทัศนียภาพ และการก่อสร้างเวทีการแสดงอีก
งานในเฟส 1 และเฟส. 2 เสร็จแล้ว คือ เฟสที่ 1 การก่อสร้างฟุตปาท-ทางเท้า ส่วนเฟสที่. 2 การก่อสร้างพลับพลา ตรงข้ามพระบรมราชานุสาวรีย์ เจ้าพระยาจักรีซึ่งเป็นสถานที่”อะแซหวุ่นกี้ แม่ทัพพม่าขอดูเจ้าพระยาจักรี”นอกจากนั้น ยังมีเฟสที่ 4 สร้างลานจอดรถ แต่ยังไม่มีงบประมาณ ทางเทศบาลนคร จึงอำนวยความสะดวกไปลาดยางใช้เป็นสถานที่จอดรถชั่วคราว และนำป้ายห้ามเข้าไปติดตั้งไว้ ทำให้ผู้ไปพบเห็นเข้าใจผิด และเผยแพร่ในโชเซียลดังกล่าว
อ.ขวัญทอง สอนศิริ อาจารย์โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เปิดเผยว่า เจตนาของผู้สร้างนั้นดี แต่ออกแบบไม่ดี ไม่แตกต่างจากแนวคิดโครงการก่อสร้างพระตำหนักสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระราชวังจันทน์ ที่ทุ่มงานไปมหาศาล แต่สุดท้ายต้องรื้อย้าย
สำหรับ สวนสาธารณะนั้น ออกแบบไม่ดี ไม่ตอบสนองความเป็นเอกลักษณ์ความเป็นคนพิษณุโลก ทั้งๆที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองพิษณุโลก นักท่องเที่ยวแวะเวียนผ่านไปผ่านมา แถมจะสร้างลานจอดรถ 2 ชั้น ต่ออีก เชื่อว่า คงไม่สง่างาม หากเกิดทัศนอุจาด ใครจะรับผิดชอบ ควรแค่เทปูนหรือลาดยาง ปรับให้เป็นลานกว้างก็เพียงพอแล้ว ปัจจุบันสร้างอาคารเป็นหลุมลึก ถามว่า การทำความสะอาดจะทำอย่างไร ไม่ให้น้ำขังเน่าเสีย
“สวนสาธารณะ ใจกลางเมือง พิษณุโลก คือ ความหวัง ที่จะเป็น แลนดฺมารคใหม่ อวดนักท่องเที่ยว กับเขาได้ แต่ การออกแบบ ไม่มี สถาปัตยกรรม ศิลปกรรมใด สื่อหรือ สะท้อนถึง อัตลักษณ์ ตัวตนเมืองพิษณุโลกทั้งๆ ที่ ตั้งอยู่ ในบริเวณที่ เหมาะสม สี่แยกใหญ่ ใจกลางเมือง แท้ ๆ กลับสร้างจุดเด่น เสริมจุดขาย ไม่ได้ ทั้ง ที่หมดงบ ไป 3 เฟส เกือบ 34 ล้านบาท”
“เฟส 4 อาคาร ลานจอดรถ 2 ชั้นนั้นทราบว่า ใช้งบจำนวนมาก และยังไม่มีงบ ต้องปรับ แก้ไขให้เป็น ลานจอดรถปกติ ก็พอแล้ว นำงบมา ปรับ ปรุง แก้ไขเสริม จุดเด่นกับที่ดำเนินการไปแล้ว อาทิ ลานหน้าสีแยก ธนาคารกรุงไทย ควรมีชิ้นงานประติมากรรม ตั้งลอยตัว สะท้อนตัวตนพิษณุโลกจะดีกว่า ยกตัวอย่าง ถ้ากลองมังคละเป็นของดีเมืองพิษณุโลก ก็ควรใช้เทคโนโลยี หยอดเหรียญ กดปุ่ม ฟังเสียงกองมังคละก็ยังดี เนื่องจาก ลานดังกล่าว เป็นประตูบ้านหรือหน้าเมืองพิษณุโลก ทุกหน่วยงานควรบูรณะการร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกท่านใหม่ ซึ่งก็เป็นคนพิษณุโลกโดยกำเนิด ควรใส่ใจในรายละเอียด ลานคนเมือง ตกผลึกความคิดให้เรียบร้อย สร้างจุดเด่นของสวนสาธารณะใจกลางเมืองพิษณุโลก ก่อนที่จะเป็นซุ้ม เต้นท์ โชว์หรือขายของไปเรื่อยเปื่อย อย่างน้อยก็ควรทำเป็น ลานคนเมือง ลานขี่จักรยาน เดินออกกำลังกายรับนักท่องเที่ยวให้ทัดเทียมกับจังหวัดอื่น
