“เสรีพิศุทธ์”ประชุมว่าที่ผู้สมัครส.ส.ภาคเหนือพรรคเสรีรวมไทยที่จ.พิษณุโลก

เวลา  10.00 น. ของวันที่ 22 ก.ย. 2561  พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส อดีตผบ.ตร. แกนนำพรรคเสรีรวมไทย เดินทางมาที่ทำการสาขาพรรคเสรีรวมไทยภาคเหนือ  ที่ถนนศรีสุริโยทัย หรือ ถนนเลียบทางรถไฟ ใกล้กับคลังน้ำมันปตท. ต.ในเมือง อ.เมืองพิษณุโลก โดยร่วมประชุมกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ในนามพรรคเสรีรวมไทย ในพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด จำนวนกว่า 30 คน นำโดยดร.พิทักษ์ สันติวงศ์สกุล อดีต ส.ส. พิษณุโลก ประธานสาขาพรรคเสรีรวมไทยภาคเหนือ

โดยพรรคพรรคเสรีรวมไทย  ได้เน้นนโยบายของพรรค คือ ปลดล็อคประเทศไทย หยุดความยากจน หยุดผู้มีอิทธิพลและยาเสพติด หยุดการคอรัปชั่น หยุดเผด็จการ หยุดไฟใต้ และหยุดแยกสีเสื้อ ซึ่งพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประชุมร่วมกับสมาชิกพรรคที่เป็นว่าที่ผู้สมัครส.ส.ในเขตภาคเหนือ ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนรับฟัง ซึ่งใช้เวลาในการประชุมร่วม 2 ชั่วโมง

หลังเสร็จการประชุม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า หลังจากที่คสช.มีคำสั่งที่ 13 เมื่อ 14 ก.ย.2561 ให้พรรคการเมืองประกอบกิจกรรมได้ เช่น เปิดประชุมใหญ่ได้ รับสมัครสมาชิกได้ ยกเว้นการหาเสียง ผมซึ่งอยู่นอกพรรค ได้เริ่มส่งใบสมัครกลับมาเป็นสมาชิกพรรคเสรีรวมไทยอีกครั้งเมื่อวันที่ 15 ก.ย.2561 ที่ผ่านมา และเพื่อไม่ให้เสียเวลา ทางพรรคตั้งสาขาพรรคไว้แล้ว 4 สาขา ภาคเหนือที่พิษณุโลก ภาคกลางที่นครปฐม ภาคอีสานที่นครราชสีมา และภาคใต้ที่สุราษฏ์ธานี ผมจึงถือโอกาสมาเยี่ยมประธานสาขาพรรคภาคเหนือที่จ.พิษณุโลก มีดร.พิทักษ์ เป็นประธานสาขาภาคเหนือ จะเยี่ยมเยียนไปเรื่อย ๆ แต่เราจะไม่หาเสียงนะ ส่วนตัวบุคคลผู้สมัครส.ส.นั้น ยังไม่ได้มีการประชุม มาแค่เยี่ยมสาขาพรรคตรวจความพร้อม เท่าที่ทราบ พรรคเราตั้งใหม่ ยังไม่เคยส่งผู้แทนลงสมัครเลย ในอดีตเคยจะส่งลงส.ส.แล้ว แต่มีการปั่นป่วนการเลือกตั้งจึงไม่ได้ส่งส.ส.ลงสมัคร ตอนนั้นตนยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่  แต่เมื่อมีเหตุการณ์ยึดอำนาจอีก ก็ยังไม่ได้ส่งส.ส. ช่วงนั้นตนก็เลยลาออกจากพรรคเลย มาตอนนี้เมื่อคลายล็อค ตนก็กลับมาเป็นสมาชิกพรรคอีก

สำหรับแนวนโยบายนั้น ความยากจนมาอันดับแรก  หยุดความยากจน หยุดผู้มีอิทธิพลและยาเสพติด หยุดการคอรัปชั่น หยุดเผด็จการ หยุดไฟใต้ และหยุดแยกสีเสื้อ

ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า มีกลุ่มผู้สนับสนุนเป็นตำรวจเก่าหรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ตอบว่า ประชาชนทั่วไป ที่เขารู้จักตนตั้งแต่ตอนรับราชการตำรวจ กระทั่งเกษียณจนถึงปัจจุบัน ส่วนจะเป็นหัวหน้าพรรคหรือไม่ต้องรอพรรคประชุมใหญ่ก่อนในเดือนตุลาคมนี้ และก็อยู่ที่พรรค ว่าจะเลือกตนหรือไม่ แต่ผมคงไม่เหนื่อยเหมือนคุณอภิสิทธิ์หรอก แต่พรรคเราก็เป็นประชาธิไตยนั้น ขึ้นอยู่กับการประชุมใหญ่ของพรรคว่าจะเลือกตนมาเป็นหัวหน้าพรรคหรือไม่

“กระแสของตนก็ฟีเวอร์พอสมควรนะ ที่ตนแสดงความเห็นมาต่าง ๆ มาตลอด ไม่ได้เกรงกลัวเผด็จการอะไรทั้งสิ้ง ทั้งผมเอง คุณประวิทธิ์ คุณประยุทธ คุณอนุพงษ์ ก็เห็นกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ ตั้งแต่นุ่งขาสั้นกันมา โรงเรียนต่าง ๆ เขาก็สอนมาดี เราต้องเป็นสุภาพบุรุษ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในเครื่องแบบตำรวจ ทหาร ต้องเป็นสุภาพบุรุษ รักษากฎกติกาไม่ให้มีการเอาเปรียบกัน”  พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว

//////////////

 

แสดงความคิดเห็น