หลังจากที่ผมถอนตัวลงจากเขาภูทับเบิก กลับไปที่กองร้อยบ้านห้วยระหงส์ ผบ.ร้อยให้พัก 10 วัน แต่ผมก็รู้ว่าหลังจากที่พักกลับมายังมีงานใหญ่รออีกงาน ครบกำหนดจากการลาพักกำลังส่วนที่พักทั้งหมดเข้าปฏิบัติงานที่ฐาน แล้วผมก็พบกับทหารม้าจำนวนหนึ่งกองร้อย จากร้อย ม.พัน 18 ค่ายพ่อขุนผาเมือง โดยกำลังของทหารม้าเข้ามาตึงกำลังเตรียมพร้อมอยู่ที่ฐานของเราแล้ว ภารกิจคือย้ายหมู่บ้านห้วยซาน ( ตรงนี้ผมต้องนำเรียนชี้แจงรายระเอียดหมู่บ้านห้วยซานก่อนนะ เดี๋ยวจะเข้าใจผิดว่าทหารใช้อำนาจป่าเถื่อนไปย้ายบ้านประชาชน) บ้านห้วยซานเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ประมาณ 13 หลังคาเรือน ซึ่งแยกตัวออกไปจากหมู่บ้านห้วยระหงษ์ อยู่ลึกเข้าไปด้านใน ล้ำเขตอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ซึ่งผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่ ทางเจ้าหน้าที่อุทยานฯน้ำหนาวได้เข้าไปแจ้งเตือนหลายครั้งแต่ไม่เป็นผล จะมีอยู่หลายครั้งที่กำลังของชาวบ้านได้ขับไล่ โดยชาวบ้านใช้ความรุนแรงกับเจ้าหน้าที่ จนทำให้เจ้าหน้าที่อุทยานฯขึ้นไปขอความช่วยเหลือจากฐานปฏิบัติการของเรา ผบ.ร้อยคนใหม่ นำกำลังทหารพรานออกไปสมทบกับเจ้าหน้าอุทยานฯน้ำหนาว เจ้าหน้าที่อุทยานฯ 15 นาย ทหารพราน 6 นาย กำลังของอุทยานฯเดินนำหน้าไป ทหารจะเดินปิดท้ายไป พอเดินพ้นป่าเข้าหมู่บ้าน ชาวบ้านกำลังช่วยกันสร้างบ้านอยู่ พอเห็นเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ชาวบ้านที่สร้างบ้านอยู่ต่างถือค้อนและมีดวิ่งเข้าใส่เจ้าหน้าที่อุทยานฯ เจ้าหน้าที่อุทยานฯน้ำหนาวได้วิ่งถอยมาอยู่ด้านหลังของทหาร แต่พอชาวบ้านทั้งหมดได้เห็นทหารทุกคนก็หยุด ผบ.ร้อย ทพ.ได้แสดงตัวแจ้งเตือนว่า นี่เจ้าหน้าที่ทหาร ตัวแกนนำชาวบ้านบอกว่าทหารไม่เกี่ยวครับ ทหารไม่เกี่ยว จากนั้นทางผบ.ร้อย ของผมได้แจ้งให้ชาวบ้านทราบว่า ต้องเกี่ยวเพราะเราก็คือเจ้าหน้าที่ของรัฐ จากนั้น ผบ.ได้นำกำลังทั้งหมดเข้าตรวจสอบและทำการแจ้งข้อหาและแจ้งเตือนจะต้องออกจากพื้นที่ตรงนี้ เพราะพื้นที่ตรงนี้เป็นเขตอุทยานแห่งชาติ
หากวันนั้นไม่มีกำลังทหารเข้าไปร่วม ความรุนแรงอาจเกิดขึ้น ดูทีท่าของชาวบ้านไม่เกรงกลัวกฎหมายเลย ซึ่งการย้ายหมู่บ้านห้วยซานทางกำลังทหารจากร้อย ม.พัน 18 หนึ่งกองร้อย ทหารพรานอีกหนึ่งกองร้อยและเจ้าหน้าที่อุทยานฯน้ำหนาวอีกจำนวนหนึ่ง อีกประมาณหนึ่งอาทิตย์ต่อมา เวลาบ่าย 3 โมง ผู้กองจากร้อย ม.พัน 18 เป็นผู้ควบคุมทีมทั้งหมด สั่งให้ออกเดินทางเข้าสู่เป้าหมาย ตามที่วางแผนการปฎิบัติไว้แล้ว พอถึงหมู่บ้านกำลังทั้งหมดก็ทำการวางกำลังล้อมหมู่บ้าน หากมีคนกลับจากไร่ก็ให้เข้าในหมู่บ้านได้ แต่ไม่ให้ออกจากหมู่บ้านหากเจ็บป่วยจะต้องได้รับอนุญาติจากผบ.ทีมคนเดียว ส่วนกำลังของผบ.ร้อย ม.พัน 18และผบ.ร้อย ทพ.ทหารอีก 20 นาย เข้าเจรจากับชาวบ้านต้องออกจากพื้นที่โดยไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น จากนั้นบ่ายของวันถัดมาทางพตท.33ได้ส่ง เฮลิคอปเตอร์จำนวน 2 ลำทำการบินวนเหนือหมู่บ้าน เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง เฮลิคอปเตอร์บินกลับ แต่กำลังทหารคงยังปิดล้อมทั้งคืน พอถึงตอนเช้ารถจีเอ็มซี 10 ล้อของพตท.33ที่ขึ้นไปจอดเตรียมพร้อมอยู่ที่ฐานทั้งหมด 4 คัน เดินทางเข้าไปสมทบ เพื่อทำการขนของและประชาชนรวมไม้ที่ลื้อออกจากบ้านด้วย โดยขนออกมาให้อยู่ที่หมู่บ้านห้วยระหงส์ตามเดิมที่เคยอยู่ ส่วนปัญหาการปฏิบัติไม่มี ทุกอย่างจบลงด้วยสันติการปิดล้อมหมู่บ้านอยู่ 2 วัน และทำการขนย้ายเพียงวันเดียว
จากนั้นภารกิจของกองร้อยเรายังมีภารกิจต่อเนื่อง ทางกองทัพภาคที่ 2 เปิดยุทธการ เราเข้าร่วมยุทธการซึ่งเป็นเขตติดต่อกันแถว จ.ชัยภูมิกับอำเภอน้ำหนาว ดังนั้นหน่วยของเราก็ต้องออกลาดตระเวนสกัดกั้นในเขตติดต่อ เราได้รับภารกิจ 15 วันในการลาดตระเวน โดยเดินเท้าเกาะไปตามถนนสายหล่ม สัก – -ชุมแพ ผมทำหน้าที่พนักงานวิทยุกำลังของเราทั้งหมด 24 นาย มีผบ.ร้อยและจ่าสิบเอกเป็นผู้ควบคุมกำลัง การเดินลาดตระเวนขัดขวาง พื้นที่ที่เดินเป็นพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว บางช่วงจะเป็นป่าเบญจพรรณ บางช่วงจะเป็นป่าสนสองใบเป็นส่วนมาก ทีมเราข่อยๆเดินไปอย่างช้าๆให้ได้วันละประมาณ 1 กม.แล้วทำการจัดเป็นฐานลอยนอนพักในป่าสนสองใบแต่ก็มีความสุขอีกรูปแบบหนึ่ง หากตอนนั้นลืมคิดถึงเรื่องที่อาจมีการปะทะกับฝ่ายตรงข้าม นอนมองท้องฟ้าเห็นดาวได้อย่างชัดเจน เสียงลมพัดใบสนหวีดหวิวเป็นช่วงๆเสียงสัตว์ป่าเช่นตัวบ่างร้องหาคู่เสียงร้องแบบโหยหวน การนอนของทีมเราโดยอาศัยต้นสนสองใบเป็นที่กำบัง ผมนอนมีวิทยุพีอาร์ซี 77 เป็นหมอนเช่นเคย เราจะหาที่นอนกันจุดทำเราที่คิดว่าได้เปรียบทั้งหมด หากมีเนินจะอาศัยเนิน หากไม่มีเนินจะต้องเป็นที่ราบและต้นไม้ต้องเยอะ แต่ในป่าจุดที่เรานอนต้นสนสองใบจะใหญ่และเยอะก็ตาม ยังสามารถตรวจการณ์มองไปได้ไกลที่สุด เพราะป่าสนเป็นป่าโล่ง บนพื้นจะมีเป็นป่าพงหรือป่าหญ้าคาห่างๆสูงเหนือเอวเท่านั้น 2 -3 คืนแรกเราจะพบเห็นสัตว์ป่าพวกเก่งที่ออกหากินตอนกลางคืนเดินมาใกล้ๆเรา แล้วตกใจตื่นวิ่งหนี จากนั้นตอนเช้าของทุกวันทำการประกอบอาหารและจะทำอาหารเผื่อมื้อกลางวันไปพร้อม หลังจากทานข้าวเช้าแล้วก็เดินต่ออย่างที่เคยปฏิบัติ หลังจาก 3 คืนผ่านไป คืนต่อมา มีเสียงคนประมาณ 5 -6 คนเดินอยู่รอบๆบริเวณที่เรานอนในตอนหลังเที่ยงคืนไปแล้ว ทหารทุกนายรู้ตัวทั้งหมดโดยใช้หูแนบกับพื้นดินฟังเสียงเดิน คาดว่าเป็นกลุ่มติดอาวุธของฝ่ายตรงข้ามแน่นอน เพื่อเกาะติดดูความเคลื่อนไหวของเรา แต่ยังไม่กล้าใช้กำลังกับเรา เพราะทางกองกำลังภาค 2 กดดันหนัก แต่เราสามารถรู้ทิศทางและระยะห่างของฝ่ายตรงข้ามที่มาเกาะติดเรา เพราะมีสัตว์ป่าคือเก้ง ตกใจตื่นร้องวิ่งหนีออกไป ตรงนั้นแน่นอนที่ข้าศึกอยู่ ประมาณ 200เมตร คงกำลังถอนตัวไป ผบ.สั่งให้พลยิงเอ็ม 79 ยิงไปที่เป้าหมายหนึ่งลูก พลยิงไม่สามารถยิงไปแนวนอนได้ เพราะข้างหน้ามีต้นสนปิดอยู่ ลูกเอ็ม 79 อาจชนกิ่งไม้ระเบิดก่อนถึงเป้าหมาย พลยิงแหงนหน้าขึ้นมีช่องว่างของกิ่งไม้บนหัว เขาตั้งปืนเอ็ม 79 ของเขา ทำการยิงวิถีโค้ง ให้ลูกเอ็ม 79 ดิ่งขึ้นไปบนอากาศ ย้อนตกลงยอดไม้บริเวณหัวของฝ่ายตรงข้าม หนึ่งลูกตามสั่ง หลักการยิงแบบนี้เป็นการฮิตมากที่สุดของทหารพรานหน่วยผม เพราะมีประสบการณ์มาจากการรบที่เขาค้อ อีกอย่างเป็นลูกที่ ฝ่ายตรงข้ามกลัวมาก เพราะมันระเบิดกลางอากาศบนใบไม้หรือกิ่งไม้บนหัวข้าศึก หลังจากนั้นก็เงียบ
คืนต่อมาเราเดินไปถึงพบหนองน้ำในป่ามีน้ำใสมาก หนองน้ำกว้างประมาณหนึ่งไร่ ผบ.ร้อยสั่งพักตั้งฐานนอนตรงนั้นอีก 2 คืน เพราะเป็นทำเรทางด้านยุทธศาสตร์ดีมาก เป็นเนินมีต้นไม้เยอะ มีหนองใช้น้ำ มีลำธารน้ำเล็กๆอยู่ถัดไปเอาไว้เป็นน้ำดื่มและอาบ วันนั้นในช่วงบ่ายทหารทุกนายเปลี่ยนกันลงไปอาบน้ำในลำธารทั้งหมดแล้ว คงเหลือจ่า ที่ยังไม่ได้อาบ จ่าแก่เข้าใจว่าผมก็ยังไม่อาบ แก่ชวนผมไปอาบน้ำ ผมก็นำกระติกน้ำของผมไปด้วยเพื่อรองน้ำมาไว้ดื่ม ผมเดินนำจ่าไป ถึงลำธารก็ทำการรองน้ำ จากนั้นให้จ่าอาบ จ่าถามผม เสือ เองอาบหรือยัง ผมอาบแล้วครับผมมาคุ้มกันให้จ่า จากนั้นผมเดินกลับขึ้นมาทางเดิมและมาหยุดอยู่กลางเนินหันหน้ามองข้ามไปทางเนินข้ามลำธารที่จ่าแก่อาบน้ำ และหันหลังเข้ามาทางด้านกำลังของเราอยู่ เพื่อตรวจการณ์และคุ้มกันให้จ่า ไม่ต้องไปอยู่ในลำธารที่เดียวกัน ที่ไม่สามารถมองเห็นโดยรอบได้ เสร็จแล้วผมกับจ่ากลับเข้ามาที่ฐานลอย ผมแอบเห็นจ่าแก่แอบมองผมด้วยความพอใจนะ นี่แหละครับ ที่คนเราจะเห็นอกเห็นใจกันนั้น ไม่ได้เป็นเรื่องมาก เพียงการปฏิบัตินิดเดียวเท่านั้นก็สามารถสร้างความรักความเข้าใจได้ ตกเย็นเรานอนกันอย่างสบาย บริเวณฐานหนองน้ำตรงนี้ พอตกเวลาตีสองของคืนแรกที่หนองน้ำตรงนั้น เรียกว่ามีงานเข้าเลยครับ ไม่ผิดกับคำของโบราณว่าไว้ว่า นอนป่าอย่าไปนอนเฝ้าหนองน้ำ เราเริ่มได้ยินเสียงเดินมาแต่ไกล แล้วก็มุ่งหน้าใกล้เข้ามาที่เราเลื่อยๆ มันคือฝูงช้างป่าน้ำหนาว ประมาณ 20 เชือก บางตัวมีลูกน้อยก็หยอกล้อลูกมาเป็นระยะอย่างสนุกสนาน มายืนรวมกันทั้งฝุงอยู่ที่หนองน้ำอีกฝั่งตรงข้ามกับเรา ส่งเสียงร้องข่มขู่ ผบ.ร้อยสั่งการหากไม่จนตัวอย่ายิงช้างโดยเด็ดขาด และให้ทุกนายเอาเฉพาะปืนติดตัวส่วนผมนอกจากปืน ก็คือวิทยุด้วย แล้วก็ถอยออกมาอยู่ห่างจากหนองน้ำ จนรุ่งเช้า แต่มีทหารพรานนายหนึ่ง เขาเป็นคนที่เคยรู้จักนิสัยของช้างดี เขาใช้เสียงของเขาตระโกนคำรามทำเสียงให้แข็งก้าวไปกว่าช้าง ในที่สุดช้างกลัวจึงหนีไป แล้วหลังจากนั้นรุ่งเช้าทานอาหารก็ทำการย้ายที่ใหม่ จากนั้นทีมเราเดินมาจนถึงเขตของจังหวัดชัยภูมิ สุดเขตรับผิดชอบจึงตั้งฐานนอนตรงนั้น เสียงปืนกลเอ็ม 60 และเอ็ม 79 ของกำลังกองทัพภาค 2 ที่ทำการเข้าตีฐานของ พคท.เขตงานอำเภอภูเขียว จ.ชัยภูมิดังมาเป็นยกๆ เสียงปืนกลจากเครื่องบินฮอลิคอปเตอร์จำนวนสองลำเข้าโจมตีทางอากาศช่วยกำลังภาพพื้นดินอย่างต่อเนื่อง ทีมเราปักหลักเตรียมพร้อมหน้ากระดาน สร้างความตื่นเต้นและเล้าใจให้กับทีมเราเป็นอย่างมาก พวกเราช่วยกันใช้สายตาตรวจการณ์กันตลอดเพราะฝ่ายตรงข้ามอาจหนีทะลักมาทางเราก็ได้(หากคำตอบของผมในตอนนี้ว่า เกิดฝ่ายพคท.หนีมาทางที่ผมเฝ้าระวังอยู่จะทำการยิงซ้ำไหม ก็เป็นเรื่องที่ตัดสินใจอยากครับ เกิดว่าฝ่ายที่หนีมามีผู้หญิงมีเด็กมีคนแก่ผมก็ตอบว่าคงยิงไม่ลงหลอกครับเราเกิดมาร่วมชาติร่วมแผ่นดินเดียวกัน คนไทยด้วยกันความโกรธแค้นเรื่องส่วนตัวเราไม่มี ถึงแม้ว่าเราทั้งสองฝ่ายจะอยู่คนละฝ่ายกันก็จริง แต่เราก็อยู่ภายใต้โพธิ์สมภารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์เดียวกัน เขากับเราก็คือลูกไทยหลานไทย เพียงแต่ความคิดและอุดมการณ์ไม่ตรงกันเท่านั้น) แต่การโจมตีของ ฮ.ได้ทำการบินโจมตีขยายผลออกไปนอกเป้าหมายไปข้างหน้าเลื่อยๆ รอบแรกจรวดลูกยาวที่ยิงจาก ฮ. ตกห่างเราประมาณ 500 เมตร แล้วก็ ฮ. บินวนออกไป ผบ.ร้อยสั่งให้ผมวิทยุติดต่อไปที่ ฮ. แจ้งตำบลกระสุนตกของ ฮ.ให้ทราบว่า ห่างเราเพื่อที่จะให้ ฮ. หยุดยิงมาด้านหน้าอีก ผมดึงเอา นปส.(แนะนำการปฏิบัติการติดต่อสื่อสาร) ที่อยู่ในเป้ออกมาเพื่อที่จะหาความถี่วิทยุของ ฮ. แต่ผมนึกได้ว่า เราไม่มีความถี่ของเขา เรามีแต่ของกองทัพภาค 3 เพราะ ฮ.ที่กำลังโจมตีทางอากาศเขาอยู่กองทัพภาค 2 คนละกองทัพกัน พอผู้กองของผมทราบ สั่งการให้ทุกนายวิ่งออกไปรวมกันที่ถนนลาดยางสายหล่มสัก – ชุมแพด่วน เพราะ ฮ. เขาไม่ยิงถนนแน่นอน
ขณะนั้นรอบต่อไปของ ฮ. ใกล้ถึงระยะยิงพอดี ห่างจากจุดเดิมที่เราอยู่ประมาณ 300 เมตร รอบต่อมา มันเป็นจังหวะเดียวกับทีมเราถึงถนนพอดี ฮ.ทำการยิงลูกยาวลง ตกที่เดิมของทีมของเราพอดีเลย ทุกนายนั่งหอบกันข้างถนนลาดยาง แต่ละคนก็คงยังเตรียมพร้อมตลอด ทั้งที่ยังหอบหายใจกันแทบไม่ทัน เห็นรถยนต์ที่วิ่งไปมาตามถนน แต่ละคันตกใจตื่นทหารไปตามๆกัน แล้วทีมของเราก็ได้รับแจ้งจากหน่วยแม่ของเราว่า ฐานของพคท.กลุ่มนี้ถูกตีแตก จากนั้นก็มีคำสั่งให้ทีมของเราถอนตัวกลับที่ตั้ง รวมระยะเวลาทั้งหมดที่เราออกภารกิจครั้งนี้เป็น 15 วัน ท่านผู้อ่านรองคิดดูว่าตลอด 15 วันพวกผมทั้งหมดอยู่ในชุดเก่าทั้งหมด ไม่เคยได้เปลี่ยนเพราะไม่ได้เตรียมไป เปียกแล้วแห้ง แห้งแล้วเปียก ก็ต้องใส่กันแบบนั้น การเตรียมก็ต้องเตรียมสิ่งอื่นที่สำคัญกว่าส่วนกางเกงในถอดแล้วทิ้งเลย พอถึงฐานหลักแล้วก็มีโอกาสซักผ้าอาบน้ำกัน และ ในวันต่อไปถึงจะได้ลาพักกัน ส่วนพวกผมที่เพิ่งกลับจากป่าอันดับหนึ่งก็คือค้นดูจดหมายที่บก.ร้อย เพราะหลายวันแบบนี้จดหมายจากมิตรแนวหลังคงส่งมาบ้างแล้ว ก็นับว่าเป็นความสุขอีกรูปแบบหนึ่งของทหารชายแดนในยุคนั้น เพราะยังไม่มีโทรศัพท์เหมือนทุกวันนี้ ดูแต่ละคนที่ได้รับจดหมายต่างก็เข้าเบิมอ่านจดหมายกัน แต่ทางทหารเราทุกคนก็รู้ใจกันรักษามารญาติ หากรู้ว่ากำลังอ่านจดหมายก็จะไม่ไปรบกวน บางคนนอนอ่านไป แล้วก็ยิ้มไป จะต้องมีคำหวานแน่ๆครับ ส่วนผมได้จดหมายจากแฟนหรือเรียกว่ามิตรแนวหลัง ทั้งหมด 7 ฉบับครับ เป็นว่าแก้เหงาและมีกำลังใจไปอีกเป็นเดือนเลย เรื่องจดหมายทหารบางคนอาจมีมากกว่าผมก็ได้ เรื่องราวมีอยู่ว่า ทหารและสาวๆที่อยู่ทางบ้านหรือทางไกล ก็จะฟังวิทยุกระจายเสียงกัน บางคนก็จะได้ที่อยู่เพื่อที่จะเขียนจดหมายคุยกัน จากหนังสือการ์ตูนและหนังสือศาลาคนเศร้าบ้าง ส่วนระยะใกล้จะมีการมอบเพลงให้กัน บ้างก็ขอที่อยู่ของมิตรแนวหน้า มิตรแนวหน้าก็คือทหาร ส่วนดีเจก็จะให้ทหารส่งที่อยู่ตามสนามชายแดนไปไว้ที่รายการเขา สาวๆใครต้องการที่อยู่ทหารก็ให้ส่งชิ้นส่วนของดีเจเขาโฆษณาอยู่ไปแรกเอา ส่วนตัวผมเอง ได้รับจดหมายจากมิตรแนวหลังถึง 6 ฉบับก็ 6 คน แต่คนที่1 ก็ได้เขียนจม.คุยกันมาเกือบปีแล้ว แต่จริงๆแล้วนั้นผมมีมิตรแนวหลังสามารถเรียกว่าแฟนได้เลย เพราะรู้จักทาง จม.และได้ส่งภาพถ่ายรวมไปถึงส่งของที่ระลึกให้กันมานานอยู่คนเดียว แต่ 6 คนที่เพิ่งรู้จักใหม่จากทางรายการของดีเจเท่านั้น และคนที่ 1ใน6คนนี้ เป็นคนที่ผมหมายมั่นปั้นมือแน่นอน แต่ยังไงก็เขียนจม.ตอบได้ทั้ง 7 คน อีก 6 คนไว้คุยเล่นๆ คืนนี้มีชุด อส.และทหารพรานออกลาดตระเวนนอนป่ากัน ผมช่วยแสตนบายวิทยุให้ พร้อมกับอ่าน จม.ของมิตรแนวหลัง พร้อมทั้งเขียนตอบไปด้วยทั้ง 7 ฉบับ รุ่งเช้ามีรอบ เสบียงอาหารก็ฝากส่งพอดี ต่อมาอีก 10 วันรอบสป.(ส่งเสบียงอาหาร) จดหมายที่เขียนไปสาวๆก็ตอบมาอีกต่างฝ่ายต่างได้รับ ส่วนผมสาวๆตอบมาถึงก่อน 2 ฉบับ อีก 5 ฉบับคงต้องรอรอบ สป.หน้า ส่วนฉบับที่ถึงก่อนเป็นฉบับที่อยู่ใกล้ คือจากอำเภอชาติตระการจังหวัดพิษณุโลกนั้นเอง ก็คือคนที่หวังจะให้แม่ไปขออีกไม่นาน ดูจากลายมือจ่าหน้าซองก็รู้ทันที ผมดีใจมากเดินเข้าไปในห้องยุทธการ ข่อยๆเปิด ซองจดหมาย เพื่อที่จะไม่ให้มีลอยช้ำ ขอบอกว่าการที่ได้รับจดหมายของแฟนมีความสุขมากเลยนะครับ ผมถอดเนื้อกระดาษข้างในที่เป็นข้อความออกมากระดาษนั้นก็แบบเดิมที่เขาเคยส่งมา มีกลิ่นหอมเหมือนดอกมะลิตามที่เขาเคยใช้กระดาษหอมนั้นแหละ แต่ผมก็เริ่มแปลกใจว่า ทำไมไม่มีเนื้อความเลย กระดาษทั้งแผ่นมีข้อความตัวใหญ่ๆสั้นๆว่า พี่เสือค่ะ คำหวานๆของคนอื่นไม่หน้าจะส่งมาที่ชาติตระการเลยนะ ผมใจหายแว๊บ รู้ทันทีว่าเราส่งจดหมายผิดซองแล้ว ผมก็โอดควรร้องโอ้ย… อย่างเสียงดังพักพวกผมเข้ามาถามต่างฝ่ายก็หัวเราะกันท้องแข็งทีเดียว จากนั้นมาผมพยายามขอโทษและอธิบายตั้งหลายฉบับแต่ไม่เป็นผลเงียบไปเฉยๆ ในที่สุดผมก็อกหักเลย ถ้าเป็นสมัยนี้โทรผิดเบอร์ก็ยังพอแก้ตัวได้ แต่จดหมายผิดซองต้องหมดโอกาสแก้ตัวเลยครับ
( พิษณุโลกฮอตนิวส์ 23 มิ.ย.2561 นำเสนอผลงานเขียนของพี่เสือ ภูลมโล หรือ คุณมนัส สีเสือ จนท.ประชาสัมพันธ์อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ผู้มีประสบการณ์และความทรงจำในการปฏิบัติหน้าที่ทหารพราน เมื่อครั้งยังมีการต่อสู้ทางอุดมการณ์และอาวุธระหว่างรัฐบาลและพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยบนภูหินร่องกล้า จนล่วงเลยผ่านมาสู่การปฏิบัติหน้าที่ผู้พิทักษ์ป่า ให้ข้อมูล และนำเที่ยวภูหินร่องกล้า สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติยอดนิยมของจ.พิษณุโลก พี่เสือ ภูลมโล ได้บันทึกความทรงจำไว้หลายเหตุการณ์อย่างน่าสนใจ จะนำเสนอเป็นเรื่องราวต่อเนื่อง จำนวน 9 ตอน บนเว็ปไซด์พิษณุโลกฮอตนิวส์ )
อ่านบทความเดิม ย้อนรอยภูหินร่องกล้าตอน 1 พรรคคอมมิวนิสต์แทรกซึม…โดยเสือ ภูลมโล 23 มิ.ย. 2561
ย้อนรอยภูหินร่องกล้าตอน 2 จุดยุทธภูมิสู่แหล่งท่องเที่ยว โดยเสือ ภูลมโล 30 มิ.ย.61
ย้อนรอยภูหินร่องกล้าตอน 3 การรุกของฝ่ายรัฐบาล โดยเสือ ภูร่องกล้า 7 ก.ค.61
ย้อนรอยภูหินร่องกล้าตอน 4 ภารกิจซุ่มโจมตี โดยเสือ ภูลมโล 14 ก.ค.61
ย้อนรอยภูหินร่องกล้าตอน 5 ย้ายฐานปฏิบัติการ โดยเสือ ภูลมโล 22 ก.ค.61
ย้อนรอยภูหินร่องกล้าตอน 6 ถ้ำวิทยุ กระบอกเสียงพคท.โดยเสือ ภูลมโล 28 ก.ค.61
ย้อนรอยภูหินร่องกล้าตอน 7 พคท.ตีฐาน โดยเสือ ภูลมโล 5 ส.ค.61
ย้อนรอยภูหินร่องกล้าตอน 8 คุ้มครองผู้เข้ามอบตัว โดยเสือ ภูลมโล 19 ส.ค. 61
…………………………………………………………………………….