เวลา 09.00 น. 27 มกราคม 2561 ที่โรงแรมอมรินทร์ ลากูน อ.เมือง จ.พิษณุโลก ป.ป.ช.ได้จัดกิจกรรมอบรมและผลิตวิทยากรตัวคูร ในการปลูกฝังวิธีคิดแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม จิตพอเพียง ความอาย และไม่ทนต่อการทุจริตสำหรับครูปฐมวัย มีครูระดับปฐมวัยใน 9 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ในหลักสูตรอบรม 2 วัน โดยมีรศ.ดร.มาณี ไชยธีรานุวัฒศิริ ที่ปรึกษาประธานกรรมการป.ป.ช. เป็นวิทยากร การประยุกต์หลักความพอเพียงด้วยโมเดล จิตพอเพียงต่อต้านทุจริต และนายอุทิศ บัวศรีผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช. บรรยายเรื่อง การคิดแยกแยกผลประโยชร์ส่วนตัวและประโบชย์ส่วนรวม
รศ.ดร.มาณี ไชยธีรานุวัฒศิริ ที่ปรึกษาประธานกรรมการป.ป.ช. เปิดเผยว่า ยุทธศาสตร์หนึ่งในยุทธศาสตร์ชาติคือ สร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต ขณะนี้กำลังสร้างวิทยากรคัวคูณ คือครูทุกระดับ ตั้งแต่อนุบาลไปจนถึงม.ปลาย เพื่อเป็นผู้นำความรู้ที่ต้องการปลูกฝังให้กับเด็กและผู้ใหญ่ ให้ครูเป็นผู้เพยแพร่และทำการสอน ครูจะได้เรียนรู้เรื่องการแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตัว ผลประโยชน์ส่วนร่วม เรื่องของจิตพอเพียงต้านทุจริต เรื่องความอาย ความไม่ทนในการทุจริต นำไปเผยแพร่และช่วยเพื่อนครู
ถัดจากนี้ไปจะมีหลักสูตรที่กระทรวงศึกษาร่วมกับป.ป.ช.สร้าง ที่เสร็จแล้ว รอการประกาศใช้ เป็นหลักสูตรเพิ่มเติม ตั้งแต่อนุบาล 1 จนถึงม. 6 จะได้เรียนเนื้อหาแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตัว ผลประโยชน์ส่วนร่วม เรื่องของจิตพอเพียงต้านทุจริต เรื่องความอาย ความไม่ทนในการทุจริต เรียน 15 ปี และยังมีหลักสูตรระดับปริญญาตรี และหลักสูตรสำหรับข้าราชการด้วย จะเป็นงงานที่มีพลังอย่างอย่างยืนเพราะจะปลูกฝังระยะยาว
ที่ปรึกษาประธานกรรมการป.ป.ช. เปิดเผยถึงเรื่องการสอบนาฬิกาหรูของรองนายกรัฐมนตรีที่สังคมให้ความสนใจว่า เป็นเรื่องธรรมดาของสังคมที่จะตรวจสอบซึ่งกันและกัน ส่วนตัวคิดว่า เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าไม่ตรวจสอบจะเป็นเรื่องไม่ดี ต้องตรวจสอบให้ชัดเจน โปร่งใส ถูกต้อง ตามหลักฐานที่มี ส่วนเรื่องพวกพ้องนั้น ธรรมชาติของคนไทยก็มีอยู่บ้าง แต่ควรมีแบบพอเพียง ไม่ใช่เอื้อผลประโยชน์ในทางมิชอบ แต่ถ้าเป็นพรรคพวกเพื่อนพ้องที่มีผลประโยชน์ตอบแทนกันไม่ควรทำอย่างยิ่ง ป.ป.ช.เองต้องทำตามบทบาทหน้าที่ อะไรถูกคือถูก อะไรผิดคือผิด
……………………………………………………………………………………………………….