เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.60 พันเอกชาคริต อุจะรัตน ผู้บังคับการกรมรบพิเศษที่ 4 ค่ายสฤษดิ์เสนา พร้อมด้วยกำลังพลและครอบครัว ร่วมวางพวงมาลา เนื่องในวันคล้ายวันอสัญกรรมของ ฯพณฯ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย พร้อมทั้งทำบุญตักบาตรเพื่ออุทิศเป็นกุศลแด่ ฯพณฯ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ผู้ก่อตั้งค่ายสฤษดิ์เสนา และดวงวิญญาณของวีรชนผู้กล้าที่เสียชีวิตระหว่างปฏิบัติหน้าที่
จอมพล สฤษดิ์ฯ ได้รับการแต่งตั้งจาก จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ให้เป็นผู้บัญชาการ 3 เหล่าทัพ เพื่อควบคุมสถานการณ์ความไม่สงบ การชุมนุมประท้วงไม่พอใจผลการเลือกตั้ง แต่ จอมพล สฤษดิ์ฯ สั่งมิให้ทหารทำร้ายประชาชน และยังเป็นผู้นำประชาชนเข้าพบ จอมพล ป.อีกด้วย
เหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ จอมพล สฤษดิ์ฯ เป็นขวัญใจประชาชน ทำให้ จอมพล ป.ไม่พอใจและวางแผนเตรียมกำลังล้อมจับ จึงเป็นเหตุจำเป็นให้ จอมพล สฤษดิ์ฯ ชิงทำการปฏิวัติรัฐประหาร จอมพล ป.พิบูลสงคราม และ พลตำรวจเอก เผ่า ศรียานนท์ ในปี 2500
ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ นายกรัฐมนตรี จอมพล สฤษดิ์ฯ มีเกียรติประวัติอันน่าเชิดชู ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ และได้ส่งผลสืบทอดต่อมาให้ประชาชนคนรุ่นหลัง เช่น
– การปราบปราบอันธพาล แหล่งซ่องสุม สถานบริการอบายมุข และผู้มีอิทธิพล สร้างความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ
– การลดค่าธรรมเนียมและราคาของบริโภค บรรเทาความทุกข์ยากของประชาชน
– การเป็นผู้ริเริ่มการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
– การก่อตั้งสำนักงบประมาณแห่งชาติ
– ก่อตั้งธนาคารทหารไทย และอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจอีกมากมาย
ในด้านการทหารที่สำคัญ คือ การวางรากฐานในการปกป้อง ยับยั้ง ภัยคุกคามจากภายนอกประเทศ จนประสบความสำเร็จ ด้วยความเสียสละเลือดเนื้อและชีวิตของวีรชนนักรบนิรนาม กว่า 2,500 ชีวิต
ในด้านการเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ฟื้นฟูเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ฟื้นฟูพระราชประเพณี งานโบราณราชพิธี วันสำคัญต่างๆ โดยเฉพาะ ถวายคืนพระราชอำนาจ ให้พระมหากษัตริย์ได้เสด็จออกเยี่ยมเยือนประชาชน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้น ที่ทำให้เกิดโครงการพระราชดำริฯ ต่างๆ เพื่อช่วยเหลือราษฎรในเวลาต่อมา นับเป็นความกล้าหาญในการเปลี่ยนแปลงอย่างสำคัญ หลังการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อ พ.ศ.2475 ซึ่งทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ยังคงเป็นสถาบันหลักของชาติมาตราบเท่าทุกวันนี้
จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ถึงแก่อสัญกรรม ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า สิริอายุ ๕๕ ปี ในครานั้น สำนักพระราชวังมีประกาศให้จัดการไว้ทุกข์ในพระราชวังเป็นเวลา ๒๑ วัน และศพจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้รับพระราชทานฉัตรห้าชั้น ซึ่งปรกติเป็นเครื่องยศของพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสมเด็จเจ้าฟ้า กางกั้นตลอดระยะเวลาไว้ศพ ทั้งนี้พระยาศรีวิสารวาจา องคมนตรี ได้กล่าวต่อมาว่า ไม่เคยมีนายกรัฐมนตรีคนใดที่มีความใกล้ชิดกับพระมหากษัตริย์เท่ากับ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ มาก่อน
จึงเป็นสิ่งที่น่าจดจำ และควรเอาเป็นแบบอย่าง ด้านการเทิดทูน และรักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ ตลอดไป
//////////////