มูลนิธิปวีณาเข้าช่วยดช.13ปีรับจ้างก่อสร้างถูกไฟช็อตต้องตัดแขนสองข้าง

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 1 ธ.ค.2560  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ตึกศัลกรรมชายชั้น 5 ห้องผู้ป่วยแผลไหม้ โรงพยาบาลพุทธชินราช อ.เมือง จ.พิษณุโลก นางปวีณา  หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เดินทางไปเยี่ยมอาการของ ด.ช.เอก (นามสมมติ) อายุ 13 ปี ที่นอนพักรักษาตัวหลังแพทย์ทำการตัดแขนทั้งสองข้างออก เนื่องจากถูกไฟฟ้าช็อตจนเนื้อไหม้เกรียมผิวหนังเสียหายกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ หลังไปรับจ้างเป็นคนงานก่อสร้างบ้านหลังหนึ่ง แล้วจับท่อนเหล็กที่พาดกับสายไฟฟ้าที่มีไฟฟ้ารั่วจนเกิดการช็อตขึ้น โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 ก.ย. ที่ผ่านมา ในพื้นที่ อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ โดยนางปวีณา  หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้มอบเงินช่วยเหลือ จำนวน 5,000 บาท ให้กับ น.ส.วิ (นามสมมติ) อายุ 30 ปี แม่ของ ด.ช.เอก ที่มาคอยเฝ้าไข้ลูกอยู่ไม่ห่าง

ทั้งนี้ นางปวีณา  หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้ประสาน นพ.สุชาติ  พรเจริญพงศ์ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลพระพุทธชินราช ที่มาให้การต้อนรับ เพื่อสอบถามอาการของ ด.ช.เอก และประสานหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง โดยมีนายอภิญญา  สุจริตตานันท์ รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กระทรวงแรงงาน  นายธวัชชัย  ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พล.ต.ต.สัณห์  โพธิ์รักษา ผบก.ภ.จว.เพชรบูรณ์ นายสมาน  พลอยประดับ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพิษณุโลก ขอความช่วยเหลือส่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง หรือตัวแทนเข้าร่วมประชุมในวันนี้ เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือ ด.ช.เอก แบบบูรณาการร่วมกัน

สำหรับเรื่องดังกล่าวสืบเนื่องมาจาก น.ส.วิ (นามสมมติ) อายุ 30 ปี ชาว จ.อุทัยธานี อาชีพก่อสร้าง ร้องทุกข์ผ่านทางสายด่วน 1134 มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี แจ้งว่า ด.ช.เอก (นามสมมติ) อายุ 13 ปี ลูกชาย ไปทำงานก่อสร้างบ้านให้กับ น.ส.กรองแก้ว  น้อยทัด อายุ 30 ปี ลูกพี่ลูกน้องตน ซึ่งมีศักดิ์เป็นป้าแท้ๆ ของด.ช.เอก แล้วเกิดถูกไฟฟ้าช็อตจนแขนทั้งสองข้างไหม้เกรียมเนื้อตายขณะช่วยเหลืองานก่อสร้าง แพทย์ต้องตัดแขนทิ้งทั้งสองข้างเพื่อป้องกันการติดเชื้อและรักษาชีวิตเอาไว้ หลังเกิดเหตุนายจ้างยังไม่ได้แสดงความรับผิดชอบช่วยเหลือแต่อย่างใด

ขณะที่ น.ส.วิ กล่าวว่า ครอบครัวตนมีฐานะยากจน ตนไปทำงานก่อสร้างอยู่ที่กรุงเทพฯ เพื่อหาเลี้ยงปากท้อง ส่วนด.ช.เอก ลูกชายเรียนหนังสือถึงชั้นป.6 จึงไปทำงานก่อสร้างอยู่กับป้าซึ่งเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างทั่วไป ตั้งแต่อายุ 11 ปี โดยได้ทำงานก่อสร้างบ้านจัดสรรอยู่ในกรุงเทพฯ  เป็นเวลา 2 ปี และช่วงเดือน ก.ย. 60 น.ส.กรองแก้ว ปลูกบ้านของตัวเองที่ อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ ก็พาคนงานทั้งหมดไปทำบ้านรวมทั้งลูกชายของตนด้วย โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 ก.ย. ที่ผ่านมา ด.ช.เอก เล่าให้แม่ฟังว่า ป้าออกไปซื้อของ คนงานที่มีหน้าที่ปีนที่สูงขึ้นไปทำหลังคาเกิดทำงานไม่ไหว เลยให้ ด.ช.เอก ปีนขึ้นไปแทนและคอยรับโครงหลังคาเหล็กที่ส่งจากด้านล่างขึ้นไป แต่ด้วยเหล็กมีความยาวจึงทำให้ไปพาดกับสายไฟฟ้าแรงสูงที่ต่อเข้าตัวบ้านและมีกระแสไฟฟ้ารั่วจนเกิดช็อตทำให้ ด.ช.เอก ที่จับโครงเหล็กอยู่ถูกกระแสไฟฟ้าที่แขนทั้งสองข้างหมดสติไป

ต่อมาคนงานได้ตาม น.ส.กรองแก้ว ให้รีบมานำตัว ด.ช.เอก ส่งโรงพยาบาลวิเชียรบุรี แพทย์ได้ให้การช่วยเหลือเบื้องต้นก่อนนำตัวส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลพระพุทธชินราช จ.พิษณุโลก เนื่องจากแขนทั้งสองข้างไหม้เกรียมจนเกือบถึงหัวไหล่ ต่อมาโรงพยาบาลพระพุทธชินราช ได้โทรศัพท์มาแจ้งว่ากับตนว่าลูกชายนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเนื่องจากถูกไฟฟ้าช็อต ให้รีบเดินทางไปดูอาการเพราะจะต้องเซ็นเอกสารบางอย่าง เมื่อไปถึงแพทย์แจ้งว่าจำเป็นต้องตัดแขนทั้งสองข้างของลูกชาย ตนก็จำใจต้องเซ็นเอกสารเพื่อรักษาชีวิตลูกเอาไว้ ตั้งแต่เกิดเหตุ น.ส.กรองแก้ว ได้ช่วยเหลือเงินมาจำนวน 10,000 บาท และจนถึงตอนนี้ยังไม่ได้แสดงความรับผิดชอบอีกเลย ทุกวันนี้ลูกชายก็ยังทำใจไม่ได้ที่จะต้องเป็นคนพิการไม่มีแขนสองข้างไปตลอดชีวิต กว่า 2 เดือนแล้ว ที่ตนไม่ได้ทำงานต้องคอยดูแลลูกชายที่ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ จึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ ดังกล่าว

ด้าน น.ส.กรองแก้ว  น้อยทัด อายุ 30 ปี ซึ่งมีศักดิ์เป็นป้า และนายจ้าง ของ ด.ช.เอก วันนี้ก็ได้เดินทางมาที่โรงพยาบาลพุทธชินราชเช่นกันเพื่อพูดคุยกับแม่ของเด็ก เมื่อสอบถามเรื่องราวข้อเท็จจริงถึงกับร่ำไห้เสียใจที่เรื่องเป็นแบบนี้ ซึ่งที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดเหตุตนเองและสามีได้ดูแลให้ความช่วยเหลือมาโดยตลอด พร้อมมอบเงินเบื้องต้นแล้วจำนวน 10,000 บาท เป็นค่ารักษาพยาบาล แต่ทางแม่ของเด็กต้องการให้จ่ายค่าเสียหายรวมทั้งสิ้นจำนวน 300,000 บาท ซึ่งตนก็ไม่ได้ขัดข้อง แต่ขอผ่อนจ่ายเป็นงวด งวดละ 50,000 บาท เพราะทำงานอาชีพรับเหมาก่อสร้างหาเช้ากินค่ำไม่ได้มีเงินทองมากมายเหมือนกัน และ ด.ช.เอก ตนก็รักเหมือนลูกเหมือนหลานอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่อายุ 11 ขวบ ที่ผ่านมาเด็กก็ไม่ได้อยู่กับแม่ ถึงแม้ตนเองจะโทรติดต่อให้มารับลูกไปอยู่ด้วยตั้งแต่ยังไม่เกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ จึงอยากขอความเป็นธรรมให้กับครอบครัวตนด้วย ทั้งนี้ในส่วนเรื่องของคดีความเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบปากคำเพิ่มเติม ว่ามีการใช้แรงงานเด็กถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เพราะเด็กยังอายุไม่พ้นนิติภาวะจำเป็นต้องให้ร่ำเรียนหนังสือ แต่กลับมาทำงานรับจ้างอยู่กับญาติ แต่ก็พร้อมจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย

ด้าน นพ.พงษ์สิทธิ์  ชุนพงษ์ทอง แพทย์ประจำแผนกศัลยกรรมตกแต่งที่ให้การรักษา กล่าวว่า อาการบาดเจ็บของ ด.ช.เอก ที่ถูกกระแสไฟฟ้าช็อตไหม้ที่แขนทั้งสองข้าง ความลึกของบาดแผลระดับรุนแรงมาก ที่ผ่านมาได้รับการรักษาแผลไหม้ และได้รับการรักษาโดยการตัดแขนด้านซ้ายถึงระดับไหล่ แขนขวาถึงระดับข้อศอก บาดแผลหายตามระยะเวลาปกติ ซึ่งแผนการรักษาต่อไป คือ การเตรียมการใส่แขนเทียม โดยโรงพยาบาลพุทธชินราชมีโรงงานผลิตกายอุปกรณ์ที่สามารถผลิตแขนเทียม เพื่อทดแทนแขนที่สูญเสียไป เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ใกล้เคียงปกติมากที่สุด ขณะนี้ผู้ป่วยอยู่ในระหว่างการฟื้นฟูร่างกายด้วยการทำกายภาพบำบัด และการบริหารไหล่เพื่อให้ร่างกายพร้อมต่อการใส่แขนเทียมต่อไป

นอกจากนี้ยังมีทีมจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น ช่วยดูแลด้านสภาพจิตใจด้วย ส่วนในเรื่องค่าใช้จ่ายของผู้ป่วยนั้นมีสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งไม่ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาล กรณีมีค่าใช้จ่ายส่วนเกินทางโรงพยาบาลพุทธชินราชยินดีให้การสนับสนุน เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลของผู้ป่วยและครอบครัวอีกด้วย.

……………………………………………………………………………………………………………………..

แสดงความคิดเห็น