ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ดร.กระแส ชนะวงศ์ นายกสภามหาวิทยาลัยนเรศวร เปิดเผยว่า ตามที่ ศาลปกครองพิษณุโลก ได้มีคำพิพากษา คดีหมายเลขแดงที่ บ. ๕๕/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๐ เนื่องจากมีข้อพิพาทระหว่าง ศาสตราจารย์ ดร.รัตนะ บัวสนธ์ กับสภามหาวิทยาลัย โดยได้ฟ้องศาลปกครองพิษณุโลก ในเรื่องเกี่ยวกับการสรรหาอธิการบดี มหาวิทยาลัยนเรศวร สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
- ในการดำเนินการสรรหาอธิการบดี ครั้งที่ ๒ สภามหาวิทยาลัยมีมติให้ยุติการสรรหา เนื่องจากการให้ คะแนนไม่ปกติของกรรมการสรรหาบางคน ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นการให้คะแนนไม่ปกติ เนื่องจากเห็นว่า “…มิได้ใช้ดุลพินิจตามวิจารณญาณของตนให้คะแนนตามคุณลักษณะ ๔ ด้าน และ ๑๔ ข้อย่อยตามหลักเกณฑ์ที่ได้กำหนดไว้แต่อย่างใด หากแต่ให้คะแนนโดยมุ่งประสงค์จะให้ผู้ที่ตนเห็นว่ามีความเหมาะสม สมควรได้รับการพิจารณากลั่นกรองมากที่สุดได้รับการคัดเลือก การให้คะแนนของกรรมการสรรหาฯ (ชุดที่ ๒) คนที่ ๑ และคนที่ ๒ จึงไม่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณากลั่นกรองผู้เข้ารับการสรรหาที่คณะกรรมการสรรหาฯ (ชุดที่ ๒) กำหนด และไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของการพิจารณากลั่นกรองเพื่อให้ได้บุคคลที่มีคุณลักษณะโดยรวมเหมาะสมที่สุด ๓ ลำดับแรก เสนอให้ผู้ถูกฟ้องคดีเลือกเป็นผู้สมควรดำรงตำแหน่งอธิการบดีต่อไป อันมีลักษณะเป็นการใช้ดุลพินิจโดยไม่ชอบด้วยเหตุผล และทำให้การสรรหาขาดความเที่ยงธรรม หรือไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายหรือข้อบังคับกำหนดไว้…”
(หน้าที่ ๒๙ ของคำพิพากษาศาลปกครองพิษณุโลก คดีหมายเลขแดงที่ บ. ๕๕/๒๕๖๐)
การที่สภามหาวิทยาลัยแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับฯ เพื่อแก้ปัญหาการสรรหาอธิการบดี ครั้งที่ ๒ เนื่องจากการ
ให้คะแนนไม่ปกติ ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นอำนาจของสภามหาวิทยาลัยที่จะแก้ไขข้อบังคับได้ เนื่องจากเห็นว่า
“…พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยนเรศวร พ.ศ. ๒๕๓๓ มาตรา ๑๔ บัญญัติว่า สภามหาวิทยาลัยมีอำนาจและหน้าที่ควบคุมกิจการทั่วไป และโดยเฉพาะให้มีอำนาจและหน้าที่ดังนี้ … (๒) วางระเบียบและออกข้อบังคับของมหาวิทยาลัย… และมาตรา ๓๕ บัญญัติว่า วิธีการสรรหาบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็น … อธิการบดี … ให้เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ผู้ถูกฟ้องคดีมีมติในการประชุมครั้งที่ ๒๒๖ (๑/๒๕๖๐) เมื่อวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๐ ให้แก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับมหาวิทยาลัยนเรศวร ว่าด้วย หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาอธิการบดี พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยกำหนดความในข้อ ๑๕ ใหม่ว่า ในกรณีเกิดปัญหาในกระบวนการสรรหาและ/หรือการพิจารณาเลือกผู้สมัครดำรงตำแหน่งอธิการบดีให้ สภามหาวิทยาลัยกำหนดวิธีการดำเนินการสรรหาใหม่ เป็นกรณีพิเศษ ตามที่สภามหาวิทยาลัยเห็นสมควร และในวันเดียวกันนั้นผู้ถูกฟ้องคดีโดยนายกของผู้ถูกฟ้องคดีก็ได้ออกข้อบังคับมหาวิทยาลัยนเรศวร ว่าด้วย หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาอธิการบดี (แก้ไขเพิ่มเติม) ฉบับที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๖๐ ใช้บังคับ จึงเห็นได้ว่าการที่ผู้ถูกฟ้องคดีออกข้อบังคับดังกล่าวเป็นการกระทำตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดไว้ และแม้การออกข้อบังคับจะมีลักษณะเร่งรีบแต่เหตุดังกล่าวก็มิใช่เหตุที่จะทำให้การกระทำไม่ชอบด้วยกฎหมาย ประกอบกับเมื่อพิจารณาเนื้อหาของข้อบังคับดังกล่าวก็เป็นเพียงการให้อำนาจผู้ถูกฟ้องคดีที่จะกำหนดวิธีการดำเนินการสรรหาใหม่เป็นกรณีพิเศษได้ในกรณีที่เกิดปัญหาในกระบวนการสรรหาและ/หรือ
การพิจารณาเลือกผู้สมัครดำรงตำแหน่งอธิการบดีเท่านั้น ซึ่งหากผู้ถูกฟ้องคดีใช้อำนาจตามข้อบังคับดังกล่าว ก็จะต้องใช้โดยชอบด้วยกฎหมาย ถ้าผู้ถูกฟ้องคดีใช้อำนาจกำหนดวิธีการดำเนินการสรรหาอธิการบดีเป็นกรณีพิเศษโดยไม่ชอบ ด้วยกฎหมายก็เป็นเรื่องที่ไปว่ากล่าวเอากับการใช้อำนาจของผู้ถูกฟ้องคดีในส่วนนั้นได้ เมื่อไม่ปรากฏเหตุความไม่ชอบด้วยกฎหมายกรณีอื่น จึงไม่อาจรับฟังได้ว่าการที่ผู้ถูกฟ้องคดีออกข้อบังคับมหาวิทยาลัยนเรศวร ว่าด้วย หลักเกณฑ์และวิธีการ
สรรหาอธิการบดี (แก้ไขเพิ่มเติม) ฉบับที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย…”
(หน้า ๓๔ – ๓๕ ของคำพิพากษาศาลปกครองพิษณุโลก คดีหมายเลขแดงที่ บ. ๕๕/๒๕๖๐)
ในการดำเนินการสรรหาอธิการบดีครั้งที่ ๓ สภามหาวิทยาลัยได้ดำเนินการตามกระบวนการที่กฎหมาย
และข้อบังคับฯ กำหนดเพื่อให้ได้มาซึ่งผู้สมควรดำรงตำแหน่งอธิการบดีแล้วซึ่งผ่านการกลั่นกรองจำนวน ๓ ราย ซึ่งได้แก่ ศาสตราจารย์ พิเศษ ดร.กาญจนา เงารังษี ศาสตราจารย์ ดร.ดิเรก ปัทมศิริวัฒน์ และศาสตราจารย์ ดร.สมยศ พลับเที่ยง โดยสภามหาวิทยาลัยได้รับฟังการแถลงนโยบายจากวีดิทัศน์เท่านั้น โดยมิได้มาแถลงนโยบายด้วยตนเองต่อสภามหาวิทยาลัย
นายกสภามหาวิทยาลัยนเรศวรได้ กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อพิจารณาจากคำพิพากษาของศาลปกครองพิษณุโลกแล้ว สภามหาวิทยาลัยจะดำเนินการแจ้งให้ผู้ผ่านการกลั่นกรองผู้สมควรดำรงตำแหน่งอธิการบดีข้างต้นทั้ง ๓ ราย มาแถลงนโยบายด้วยตนเอง ต่อสภามหาวิทยาลัยเพื่อให้เป็นไปตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในข้อบังคับของมหาวิทยาลัยนเรศวรต่อไป
อนึ่ง สภามหาวิทยาลัยนเรศวร จะประชุมสภามหาวิทยาลัย ในวันอาทิตย์ที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๐ เวลา ๐๙.๐๐ น. เพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องนี้ต่อไปอย่างเร่งด่วน
………………………………………………………………………
ข้อมูล : คณะที่ปรึกษาด้านกฎหมายมหาวิทยาลัยนเรศวร
๖/๑๐/๒๕๖๐/๐๐๒