ผศ. ดร.พีระศักดิ์ ฉายประสาท อาจารย์ประจำคณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมหาวิทยาลัยนเรศวร หลังจากได้รับทุนวิจัย จาก สกว. และทำการวิจัยมะม่วงมหาชนก ที่สามารถต้านโรคมะเร็งได้และช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งหลายชนิด โดยพบว่าการวิจัยจากผู้บริโภคมีความต้องการอาหารที่มาจากธรรมชาติ มีประโยชน์ต่อสุขภาพและช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ในปัจจุบัน ส่วนใหญ่ในผักและผลไม้จะพบสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น แคโรทีนอยด์ ซึ่งไม่แสดงสีให้เห็น เนื่องจากถูกสีเขียวของคลอโรฟิลล์บดบังไว้ แต่เมื่อผักและผลไม้แก่ตัว คลอโรฟิลล์จะสลายตัวไป สารสีแคโรทีนอยด์จึงปรากฏสีให้เห็น เช่น เหลือง ส้ม แดง
ผศ. ดร.พีระศักดิ์ ระบุว่า แคโรทีนอยด์แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ตามลักษณะโครงสร้างทางเคมี คือ แคโรทีน และเบต้าแคโรทีน ซึ่งในปัจจุบันพบว่าแคโรทีนอยด์มีประโยชน์ทางด้านช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น ช่วยในการรวมตัวเองเข้ากับเยื่อบุเซลล์เหมือนกับวิตามินอี ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งหลายชนิด และช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจได้ถึง 40% อีกทั้งยังสามารถลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคต้อกระจกและโรคจอประสาทตาเสื่อม นอกจากนี้สารต้านอนุมูลอิสระที่น่าสนใจอีกชนิดหนึ่งคือ แอนโธไซยานิน ซึ่งเป็นสารที่ให้สีแดง ม่วง และน้ำเงิน สารสกัดแอนโทไซยานินเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ ช่วยลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ และเส้นเลือดอุดตันในสมอง ช่วยยับยั้งจุลินทรีย์ที่ก่อโรคในระบบทางเดินอาหารได้อีกด้วย
มะม่วงมหาชนกเป็นมะม่วงพันธุ์ลูกผสมที่เกิดจากการผสมกันระหว่างพันธุ์ซันเซท และพันธุ์หนังกลางวัน มีคุณสมบัติที่โดดเด่นกว่ามะม่วงพันธุ์อื่น คือ เปลือกผลเมื่อแก่หรือสุกจะมีผิวสีแดงม่วงสวยงาม หรือเหลืองเข้มปนแดง ดังนั้นจึงมีการศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดสีแดง และปริมาณแอนโธไซยานินในผลมะม่วงมหาชนก พบว่าการฉีดพ่นสารเมทิลจัสโมเนส ความเข้มข้น 80 ไมโครลิตรต่อมิลลิลิตร สามารถช่วยปรับปรุงคุณภาพ เช่น วิตามินซี ปริมาณน้ำตาลกลูโคส ฟรุกโตส ซูโครส และพบการเพิ่มขึ้นของปริมาณแคโรทีนอยด์ เท่ากับ 1.43 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม น้ำหนักสด มากกว่าการไม่ฉีดพ่นสาร อีกทั้งการใช้สารเมทิลจัสโมเนส และเอทิฟอนมีผลในการเพิ่มระดับของแคโรทีนอยด์ระหว่างการสุกแก่มากกว่ามะม่วงที่ไม่ใช้สาร 50% โดยพบมากที่สุดในช่วงวันที่ 5-6 ของการเก็บรักษา (ระยะพร้อมรับประทาน) อีกทั้งการประยุกต์ใช้สารเมทิลจัสโมเนส และเอทิฟอน ยังสามารถควบคุมกระบวนการสุกและปรับปรุงคุณภาพทางโภชนาการของผลมะม่วงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้นักวิจัยยังได้ศึกษาปัจจัยของแสงร่วมกับสารเมทิลจัสโมเนส พบว่าผลมะม่วงที่ได้รับแสงร่วมกับการฉีดพ่นสารละลายเมทิลจัสโมเนส ความเข้มข้น 80 ไมโครลิตรต่อลิตร ที่อายุผล 90 วันหลังดอกบาน ทําให้เกิดพื้นที่สีแดงเพิ่มขึ้น 25% ของพื้นที่ผิวเปลือกผล และมีปริมาณแอนโทไซยานินเพิ่มขึ้นในมะม่วงพันธุ์มหาชนกเท่ากับ 1.31 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม น้ำหนักสด โดยแสงอาจมีผลต่อการส่งเสริมการสร้างแอนโทไซยานินในผลมะม่วง ในอนาคตทางมหาวิทยาลัยนเรศวรจะต่อยอด ไปให้ความรู้แก่เกษตรกรที่ปลูกมะม่วงมหาชนก มากขึ้นเพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพในอนาคตต่อไป
///////////