สมเด็จพระเทพฯ ทอดพระเนตรโครงการเดินตามรอยเท้าพ่อ ของกองทัพภาคที่ 3

 เมื่อเวลา 14.15 น. วันนี้ ( 30 ก.ค.60 ) สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เสด็จไปยังโครงการเลี้ยงแพะพระราชทาน พันธุ์แบล็คเบงกอล ที่ กองพันส่งกำลังและบริการที่ 23 กองบัญชาการช่วยรบที่ ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ อ.เมือง จ.พิษณุโลก เพื่อทอดพระเนตรการดำเนินโครงการเลี้ยงแพะพระราชทาน พันธุ์แบล็คเบงกอล โดยมีพลโทวิจักขฐ์ สิริบรรสพแม่ทัพภาคที่ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท และกราบถวายรายงานการดำเนินงาน โดยได้พระราชทานชื่อแพะ เพศผู้ 1ตัว ชื่อว่า เปียกปูน และพระราชทานชื่อแพะเพศเมีย ตัว ชื่อว่า ยกล้อ สำหรับการดำเนินโครงการเลี้ยงแพะพระราชทาน พันธุ์แบล็คเบงกอล เป็นหนึ่งในโครงการเดินตามรอยเท้าพ่อ เริ่มขึ้นในปี 2553 กองทัพภาคที่ ได้ร่วมกับ บริษัท ปตท.สผ.ดำเนินการจัดสร้างศูนย์การเรียนรู้ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 104 ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ เพื่อจัดทำเป็นศูนย์สาธิตในการน้อมนำแนวทางพระราชดำริปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตประจำวันของกำลังพลและครอบครัว โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ได้ให้แนวทางพระราชดำริในการส่งเสริมทำการเกษตรอินทรีย์ในหน่วยทหาร เพื่อเป็นศูนย์การเรียนรู้แก่กำลังพล และประชาชนที่สนใจ กองทัพภาคที่ จึงได้ดำเนินโครงการตามแนวพระราชดำริโดยใช้ชื่อว่าโครงการเดินตามรอยเท้าพ่อ กองทัพภาคที่ 3 และมีการดำเนินการในพื้นที่ค่าย ทั้งหมด 17 จังหวัดภาคเหนือ สำหรับในพื้นที่ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถแห่งนี้มีพื้นที่ 6,625 ไร่ จัดทำเป็นพื้นที่เกษตรกรรม 2,135 ไร่ ประกอบด้วยพื้นที่เลี้ยงแพะพระราชทานพันธุ์แบล็คเบงกอล จำนวน 16 ไร่ ซึ่ง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารีได้ทรงพระราชทานแพะจำนวน 50 ตัว เป็นเพศผู้ 30 ตัว เพศเมีย 20 ตัว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นศูนย์การเรียนรู้ที่รวบรวมองค์ความรู้และวิธีการ (Know How) การเลี้ยงแพะพันธุ์แบล็คเบงกอลให้กำลังพลและครอบครัว รวมไปถึงชุมชนในพื้นที่ปฏิบัติงานของ ปตท.สผ. ตลอดจนบุคคลทั่วไปที่มีความสนใจ ได้เข้าศึกษาเรียนรู้ นำไปขยายผลและประกอบอาชีพได้ และเป็นแหล่งผลิตแพะพันธุ์แบล็คเบงกอลพระราชทานอีกแห่งหนึ่งในภาคเหนือตอนล่าง และสามารถนำผลผลิตดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เพื่อนำไปพระราชทานแก่เกษตรกรผู้ยากไร้ รวมถึงผลิตเพื่อจำหน่ายจ่ายแจกแก่กำลังพลและครอบครัว รวมไปถึงชุมชนในพื้นที่ปฏิบัติงานของ ปตท.สผ. ตลอดจนบุคคลทั่วไปที่มีความสนใจในการเลี้ยงเพื่อประกอบเป็นอาชีพ จากนั้น เสด็จพระราชดำเนิน ทอดพระเนตร แปลงถั่วมะแฮะ ซึ่งเป็นไม้ยืนต้นขนาดย่อมมีประโยชน์หลายอย่าง ลำต้นและใบใช้ปรับปรุงดินมีไนโตรเจนช่วยเพิ่มให้พืชเจริญเติบโต เมล็ดถั่วมะแฮะมีโปรตีนสูง เมล็ดสด 100 กรัม มีโปรตีน 70 เปอร์เซน มีกรดอะมิดยจำเป็นเทียบเท่าถั่วเหลืองมีวิตามินสูง และยังอุดมไปด้วยเคลเซียม โปรแทศเซียม ฟอสฟอรัส และมีมีไขมันต่ำ สามารถขายเมล็ดเพื่อรับประทานได้ โดยราคาเมล็ดแห้งอยู่ที่ กิโลกรัมละ 100 บาท นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่ปลูกหญ้าเพื่อเป็นอาหารสัตว์ทุกชนิดจำนวน 26 ไร่ ทำการปลูกหญ้าแพงโกล่า และหญ้าเนเปียร์ รวม 26 ไร่ มีโครงการเพาะเมล็ดพันธุ์ผักพระราชทาน ในพื้นที่ 53 ไร่เศษเพื่อเป็นศูนย์ขยายการเพาะเมล็ดพันธุ์ /โครงการทหารพันธุ์ดีซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในโครงการเพาะเมล็ดพันธุ์ผักพระราชทานเพื่อให้ทหารกองประจำการได้เรียนรู้การเกษตรอินทรีย์และการเพาะเมล็ดพันธุ์ผักอินทรีย์สามารถนำเมล็ดพันธุ์ผักอินทรีย์จากโครงการไปส่งเสริมการประกอบอาชีพและนำไปพัฒนาขยายผลในภูมิลำเนาของตนเอง โดยให้ชุมชนอยู่บนพื้นฐานความพอเพียงนอกจากนี้ยังมีโครงการนาอินทรีย์จำนวน 275 ไร่ เพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวอินทรีย์ถวายสมเด็จพระเทพฯสำหรับนำไปพระราชทานให้กับเกษตรกรชาวนาผู้ที่มีความประสงค์จะทำนาอินทรีย์ในฤดูการทำนาต่อไป และยังมีโครงการเกษตรปราณีตในพื้นที่ 1.5 ไร่โดยคัดเลือกจากกำลังพลและครอบครัวที่มีความสนใจเข้ามาดำเนินการครอบครัวละ แห่ง เพื่อพิสูจน์ทฤษฎีเกษตรผสมผสานแบบปราณีตโดยการใช้ เวลาก่อนและหลังเวลาราชการวั นละ 4ชั่วโมง มาทำการเกษตรโดยตั้งเป้าหมายว่าสามารถเพิ่มอะไรได้ เป็นรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน ราย เดือน และราย 6เดือน จะได้เงินประมาณ แสนบาทต่อปีหรือไม่

แสดงความคิดเห็น