วันที่ 31 กรกฏาคม 2560 ผู้สื่อข่าวสำรวจสภาพพื้นที่ลุ่มต่ำในอ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ที่ขณะนี้หลายพื้นที่เริ่มประสบปัญหาแม่น้ำยมไหลล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่นาข้าวแล้ว โดยเฉพาะด้านฝั่งขวาของแม่น้ำยม ในต.คุยม่วง ต.ชุมแสงสงคราม และต.ท่านางงาม แม่น้ำยมจากสุโขทัยที่ระบายลงมาได้ไหลล้นตลิ่งและท่วมพื้นที่นาข้าวได้รับความเสียหายไปแล้วจำนวนมาก แต่ยังมีนาข้าวอีกจำนวนมาก ที่ยังเก็บเกี่ยวไม่เสร็จ ในวันนี้ที่อ.บางระกำ ฟ้าเปิด ไร้ฝน ในท้องทุ่งอ.บางระกำช่วงนี้ จึงเต็มไปด้วยรถเกี่ยวข้าว ที่ชาวนาต่างเร่งว่าจ้างให้มาเกี่ยวข้าวในพื้นที่ เนื่องจากเกรงว่า น้ำจากแม่น้ำยมอาจจะไหลเข้ามาท่วมได้ และสภาพอากาศเหมาะสม
ที่ทุ่งนาบริเวณต.ท่านางงาม ต.ชุมแสงสงคราม วันนี้ บรรยากาศเต็มไปด้วยรถเกี่ยวข้าว นาหลายแปลง สภาพพื้นนายังเปียกแฉะไปด้วนน้ำฝน และ ยังรอดพ้นจากน้ำที่หลากมา ด้วยการทำคันดินกั้นไว้ ในขณะที่ชาวนาบางคง ตัดใจ เกี่ยวข้าวที่ยังเขียวสดอยู่ ยังเหลืออีกประมาณ 7-10 วัน จึงจะสุกเต็มที่ แต่จำต้องตัดใจเกี่ยว เพราะเกรงว่าคันดินจะไม่สามารถต่านทานกระแสน้ำได้ ข้าวเขียวสดเหล่านี้ ไปขายได้ราคาต่ำมาก ได้ราคาเพียงตันละ 2,000-3,000 บาท
นายพล มามิ่ง อายุ 62 ปี ชาวบ้านม.1 ต.ท่านางงาม อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก เปิดเผยว่า ต้องเร่งจ้างรถเกี่ยวมาเกี่ยวข้าว เพราะน้ำเริ่มไหลมาเกือบถึงนาแล้ว ถ้าไม่เกี่ยว อาจจะถูกน้ำท่วมเสียหายทั้งหมด ยังพอได้ค่าปุ๋ย ค่ายา ที่ลงทุนไปบ้าง
ซึ่งหลังจากเกี่ยวเสร็จแล้ว นายพล ได้นำข้าวไปขายที่ท่าข้าวในต.ท่านางงามทันที ข้าวของนายพลยังมีข้าวเขียวปนมากับข้าวที่แก่แล้ว ระดับความชื้นวัดได้ 26.4 % ถือว่ามีความชื้นสูง เจ้าของท่าข้าวได้สังเกตลักษณะของข้าวและความชื้น ตีราคาให้ตันละ 6,100 บาท นายพลได้ต่อรองขอเพิ่มอีก 50 บาท เจ้าของท่าข้าวยินดีเพิ่มให้ ตกลงกันในราคาตันละ 6,150 บาท จึงตัดสินใจขายที่ท่าข้าวแห่งนี้ ซึ่งเป็นธรรมชาติของการเกี่ยวข้าวในพื้นที่ลุ่มต่ำของจ.พิษณุโลก เมื่อเกี่ยวเสร็จ ก็จะขนใส่รถบรรทุกไปขายท่าข้าวทันที ทำให้ข้าวที่เกี่ยวมีความชื้นสูง ได้ราคาไม่สูงมาก แต่หากชาวนาไม่ชอบราคา ก็สามารถตระเวนไปตามท่าข้าวอื่น ๆ ที่เปิดรับซื้ออีกหลายแห่งในพื้นที่อ.บางระกำได้