ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่โรงเรียนเทศบาล 2 วัดคูหาสวรรค์ เทศบาลนครพิษณุโลก นางสาวณัฐชรัตน ชามพูนท รองนายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก ได้เป็นประธานในการปิดโครงการค่ายนาฏศิลป์สำหรับเด็กและเยาวชน ประจำปีงบประมาณ 2560 หลังจากทางเทศบาลนครพิษณุโลก ได้จัดโครงการดังกล่าวขึ้นตั้งแต่วันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา เพื่อให้นักเรียนในสังกัดเทศบาลนครพิษณุโลก จำนวน 5 แห่ง ที่มีความสนใจด้านนาฏศิลป์ มาเรียนรู้และฝึกการรำ ตามฐานหรือตามกลุ่มต่างๆ จำนวน 10 ฐาน ซึ่งแต่ละฐานนั้นมีความยากง่ายแตกต่างกันไป อาทิ กลุ่มการรำยอเก็ตปาหัง ,ตาลีกีฟัส, รำดึงครกดึงสาก,รำโคมบัว ,ฟ้อนโกยมือ เป็นต้น โดยมีผู้ฝึกสอนเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ และอาจารย์จากสำนักการสังคีต กรมศิลปากร มาฝึกสอนให้น้องๆ นักเรียนอย่างใกล้ชิด
ด้านนายสมชาย ประสานจิต ครูชำนาญการนาฏศิลป์ เทศบาลนครพิษณุโลก กล่าวว่า ทางเทศบาลนครพิษณุโลก ได้จัดกิจกรรมนี้มาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี เพื่อส่งเสริมให้นักเรียน ในสังกัดเทศบาลนครพิษณุโลก ได้มาเรียนรู้การรำนาฏศิลป์ ของไทยอย่างถูกต้องและพัฒนาความสามารถในการรำ ซึ่งในครั้งนี้มีนักเรียนเข้าร่วมโครงการจำนวน 115 คน นอกจากที่นักเรียนได้เรียนรู้จากอาจารย์ในโรงเรียนแล้ว อาจารย์จากสำนักการสังคีต กรมศิลปากร ที่มาช่วยสอนจะเพิ่มทักษะความรู้ ต่อยอดจากที่เรียนได้อย่างมาก อีกทั้งอาจารย์ที่สอนยังได้ความรู้เพิ่มเติมเพื่อเป็นแนวทางในการสอนนาฎศิลป์ในโรงเรียนต่อไป
โดยนางสาวตวงฤดี ถาพรพาสี อาจารย์จากสำนักการสังคีต กรมศิลปากร กล่าวว่า ถือเป็นโอกาสที่เด็กๆที่สนใจในนาฏศิลป์ไทยจะได้เรียนรู้เพิ่มเติมและต่อยอดการเรียนรู้จากที่โรงเรียน แม้จะเป็นการเข้าค่ายอันสั้นแต่คณะอาจารย์ที่มาสอนตั้งใจมาสอนและถ่ายทอดความรู้เต็มที่ ซึ่งทุกวันนี้นาฏศิลป์ไทยเริ่มเป็นที่สนใจของเยาวชนมากขึ้น ดังนั้นการส่งเสริมให้เยาวชนได้เรียนรู้นาฏศิลป์ไทยถือเป็นเรื่องดี ยิ่งเด็กๆอายุตั้งแต่ 8 ขวบขึ้นไปให้ความสนใจจะเป็นการสร้างพื้นฐานและปลูกฟังในความรักนาฏศิลป์ไทย และการได้ฝึกตั้งแต่เด็กจะช่วยให้เด็กมีพื้นฐานที่ดีและจดจำได้ง่าย
ด้าน ด.ญ.จิณห์จุฑา ศรีรอด นักเรียนจากโรงเรียนเทศบาล 5 วัดพันปี ที่เข้าร่วมกิจกรรมค่ายนาฏศิลป์ กล่าวว่า รู้สึกสนุกที่ได้มาเข้าค่ายนาฏศิลป์ เพราะเรียนรู้ท่ารำใหม่ๆที่ไม่เคยรำ อีกทั้งยังได้ความรู้เพื่อนำไปใช้ในอนาคตในการเรียน สำหรับเรื่องของนาฏศิลป์ไทยก็อยากฝากให้ทุกคนช่วยกันสืบสานเพราะเป็นวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาควรที่จะร่วมกันสืบสานให้คงอยู่ต่อไป
///////////