ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชนต้นแบบภูเพียงฟ้า เลขที่ 168 ม.10 บ้านเทิดชาติ ต.บ่อภาค อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นสวนของนางจินตนา ศักดิ์พุ่ม อายุ 53 ปี ที่อาชีพเดิมทำไร่ข้าวโพด แต่ด้วยประสบปัญหาราคาข้าวโพดตกต่ำ เมื่อปี 2557 จึงได้ไปศึกษาดูงานโครงการหลวง จ.เชียงใหม่ เกิดมีความสนใจ องุ่น“พันธุ์บิวตี้ซีดเลส” จึงได้เปลี่ยนจากการปลูกข้าวโพด มาปลูกองุ่นพันธุ์บิวตี้ซีดเลส สร้างรายได้ให้กับครอบครัวเป็นกอบเป็นกำ
นางจินตนา เล่าว่า ตนได้ปลูกองุ่นพันธุ์บิวตี้ซีดเลส บนพื้นที่ 2งาน ซึ่งวิธีการปลูกนั้นก็ไม่ยาก โดยทำค้างเป็นโดมมีหลังคา เพื่อคอยดูแลเรื่องการควบคุมน้ำ องุ่นพันธุ์นี้เป็นพืชที่เจริญเติบโตและมีการแตกกิ่งก้านสาขาเร็ว จึงจำเป็นต้องมีการตัดแต่งกิ่งเพื่อให้ต้นองุ่นเจริญเติบโตไปทิศทางที่ถูกต้อง อีกขั้นตอนที่สำคัญไม่แพ้กันคือเวลาที่ติดผล องุ่นบ้านเรามักจะติดผลแน่นมาก ถ้าไม่ตัดแต่งผลในช่อจะแน่นเกินไป ทำให้ผลที่ได้มีขนาดเล็ก คุณภาพไม่ดี หรือเบียดเสียดกันจนผลบิดเบี้ยว ทำให้ดูไม่สวยงาม จำเป็นต้องตัดแต่งผลในช่อออกบ้างให้เหลือพอดี ไม่แน่นเกินไปหรือโปร่งเกินไป การตัดแต่งผลออกจากช่อมักทำ 1-2 ครั้ง เมื่อผลโตพอสมควร
นางจินตนา เล่าต่ออีกว่า ขณะนี้องุ่นพันธุ์บิวตี้ซีดเลส เป็นที่ต้องการของตลาดมาก เพราะเป็นองุ่นไร้เมล็ด มีผลขนาดเล็ก หวาน กรอบ รสชาติอร่อย ส่วนราคาจำหน่ายหน้าสวนในขณะนี้จำหน่ายราคาเพียงกิโลกรัม 100 บาท แต่ถ้าหน้าเทศกาล จะอยู่ที่กิโลกรัมละ 200 บาท ซึ่งแต่ละปีจะมีลูกค้ามาจอดรถซื้อกันจำนวนมาก โดยองุ่นพันธุ์บิวตี้ซีดเลส 1 ปีจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ 2 ครั้งคือช่วงเดือนมิถุนายน และเดือนมกราคมของทุกปี แต่ถ้าออกผลมากคือ ช่วงเดือนมกราคม ซึ่งองุ่นดังกล่าวสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ถึง 30-40 ปีทีเดียว
โดยในปีนี้ที่ไร่องุ่นภูเพียงฟ้า ของนางจินตนา กำลังออกผลผลิต และมีนักท่องเที่ยวและประชาชนที่สนใจมารับซื้อแบบสามารถไปตัดพวงองุ่นถึงต้นกันทีเดียว อย่างไรก็ตามหากผู้ที่สนใจต้องการซื้อองุ่นพันธุ์บิวตี้ซีดเลส ของนางจินตนา ก็สามารถสอบถามได้ที่ 098-2974908