เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2560 ที่สนามหน้าที่ว่าการอำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก นายมนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก มอบหมายให้ นางสาวกมลชนก เหลืองทองนารา เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดงานสักการะท้าวมหาพรหม ชมเบญจมาศทุ่งสาน สืบตำนานพรหมวิถี และของดีเมืองพรหม ประจำปี 2560 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 มีนาคม – 5 เมษายน 2560 โดยจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีและในปีนี้เป็นปีที่ 16 ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายทั้งภาครัฐ ภาคองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน กึ่งกาชาดและภาคเอกชนร่มกันจัดงาน โดยมี นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานในพิธีเปิดงาน 
และมี นายสุริยา หาญไพบูลย์ นายอำเภอพรหมพิราม ในนามคณะกรรมการจัดงาน กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดงาน ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมความรัก ความสามัคคี ปรองดองและสมานฉันท์ของพี่น้องประชาชน ส่งเสริมการดำเนินงานตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และสนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์จังหวัดพิษณุโลกตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตลอดจนเพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่แพร่หลายยิ่งขึ้นและส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของอำเภอพรหมพิรามให้เป็นที่รู้จักและเป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชน สำหรับรูปแบบการจัดงานในปีนี้ได้นำแนวทางยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนพึ่งตนเองของผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกที่ได้ประกาศวาระจังหวัดในการขับเคลื่อนหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงโดยน้อมนำพระบรมราโชวาทและแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ที่ได้ทรงพระราชทานแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนำมาปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เพื่อเป็นการส่งเสริมและช่วยเหลือประชาชนในการสร้างอาชีพและรายได้เป็นการพัฒนาอาชีพสืบต่อไป 
โดยภายในงานมีกิจกรรมการประกวดอาหารคาว-หวาน, การประกวดผลผลิตทางการเกษตร, การออกร้านนิทรรศการของส่วนราชการ, การจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชน และการออกร้านกิ่งกาชาดอำเภอ ส่วนในภาคกลางคืนมีกิจกรรมการแสดงมหรสพต่างๆ โดยศิลปินที่มีชื่อเสียงทุกคืน นอกจากนี้ยังได้สนองนโยบายกระทรวงมหาดไทยและจังหวัดพิษณุโลกตามโครงการบ้านเราน่าอยู่ เชิดชูคุณธรรม โดยสภาวัฒนธรรมอำเภอพรหมพิราม จัดให้มีการคัดเลือกบุคคลที่มีความประพฤติดี ผลงานดีเด่น เสียสละ และบำเพ็ญประโยชน์สมควรได้รับการยกย่องให้เป็นคนดีศรีเมืองพรหม ประจำปี 2560 เพื่อเป็นบุคคลแบบอย่างของชาวพรหมพิรามอีกด้วย
