ปรับแบบการก่อสร้างพระตำหนักสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

 เช้าวันนี้ (23 มี.ค.60) ที่ห้องประชุมพระพุทธชินราช ชั้น 7 ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก พลโทวิจักขฐ์  สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 พร้อมด้วยนายศุภชัย  เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ร่วมประชุมกับนายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร และเจ้าหน้าที่จากกรมศิลปากรเกี่ยวกับโครงการปรับปรุงพระตำหนักสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระราชวังจันทน์

สำหรับพระตำหนักสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระราชวังจันทน์ กองทัพภาคที่ 3 พร้อมด้วยจังหวัดพิษณุโลก วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร และบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จัดสร้างขึ้นตามบันทึกข้อตกลงร่วมมือกันในการอนุรักษ์และพัฒนาโบราณสถานพระราชวังจันทน์ และพื้นที่โดยรอบ บนพื้นที่ 128 ไร่ 2 งาน 50 ตารางวา รวมทั้งหมด 13 แผนงาน ใช้งบประมาณในการดำเนินการ 72,000,000 บาท เพื่อเป็นการเชิดชูวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระมหากษัตริย์ผู้มีคุณูปการต่อประเทศชาติ และเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 5 รอบ 60 พรรษา ซึ่งในปัจจุบันพระตำหนักได้ดำเนินการก่อสร้างไปแล้ว ประมาณ 42 %  ต่อมาเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2559 กรมศิลปากรได้มีหนังสือถึงกองทัพภาคที่ 3 เรื่องการพิจารณาแบบการก่อสร้างพระตำหนัก โดยให้กองทัพภาคที่ 3 ระงับการก่อสร้างไว้ก่อน

ดังนั้นในวันนี้ทางแม่ทัพภาคที่ 3 จึงได้เชิญผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมหารือ เพื่อร่วมกันหาข้อสรุปที่ชัดเจนเพื่อให้การดำเนินการโครงการปรับปรุงพระตำหนักสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระราชวังจันทน์  สำเร็จลุล่วงตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งมีประเด็นสาระสำคัญในที่ประชุม ที่ทางกรมศิลปากรให้มีการแก้ไขรูปแบบของการก่อสร้างพระตำหนัก ดังนี้

– มีการดัดแปลงโครงสร้างส่วนหลังคาจากเดิมที่มีพระปรางค์อยู่บนยอด เปลี่ยนเป็นหลังคาทรงบุษบก ไม่มียอดพระปรางค์

– ตัวผนังพระตำหนักสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระราชวังจันทน์ เป็นผนังแบบปิดโดยใช้ไม้จันทน์ หรือไม้สัก เป็นวัสดุหลัก

– มีการย้ายอนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช จากพระตำหนักเดิมมาประดิษฐานที่พระตำหนักหลังใหม่ แต่ไม่มีการรื้อถอนพระตำหนักเดิม เป็นต้น

ซึ่งหลังจากมีการตกลงในรายละเอียดของการก่อสร้างระหว่างกองทัพภาคที่ 3 กับกรมศิลปากรแล้ว จะได้ดำเนินการก่อสร้างตัวพระตำหนักให้แล้วเสร็จภายในปี 2560 นี้

แสดงความคิดเห็น