ชาวบ้านคลองอ้ายกาบ ต.ดงประคำ ปลูกมะกรูดตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง

น.ส.แฉล้ม  ยอดสุวรรณ   อายุ 52 ปี เกษตรกรบ้านคลองอ้ายกาบ ต.ดงประคำ อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก  เป็นเกษตรกรผู้หนึ่งที่พลิกจากการทำนาข้าว ที่ปลูกกว่า 6 ไร่ หลังประสบปัญหาทำนาได้ปีละ1 ครั้งซ้ำร้ายราคาตกต่ำ ทำให้ไม่มีรายได้เหลือและเป็นหนี้จำนวนมาก  จึงหันมาเดินตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  โดยปลูกทุกอย่างไว้กินที่เหลือจากกินจึงเก็บขาย โดยหลังจากได้ไปดูงานการปลูกมะกรูดที่ จังหวัดเพชรบูรณ์ ประกอบกับในพื้นที่มีการปลูกมะกรูดน้อย จึงได้ซื้อกิ่งพันธุ์ จำนวนกว่า 600 ต้น   พร้อมว่างระบบน้ำปลูกในพื้นที่ เกือบ 1 ไร่  ผลจากการปลูกปรากฎว่าประสบความสำเร็จ สามารถสร้างรายได้ดีครั้งแรก ได้เงินกว่า 7,000 บาท  จากการขายให้กับพ่อค้าที่มารับถึงสวน  หลังจากนั้นได้หาช่องการตลาด โดยส่งโรงงานอบแห้งมะกรูดที่ จ. เพชรบูรณ์ ซึ่งบางช่วงได้ราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 50 บาท เป็นการสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำโดยปัจจุบันสามารถส่งใบมะกรูดให้โรงงานได้เฉลี่ยปีละ 4-5 ครั้ง ครั้งละประมาณ 1,000  กิโลกรัม มีรายได้หลักแสนบาทเลยทีเดียว

น.ส.แฉล้ม กล่าวว่า มะกรูดนับเป็นพืชที่ปลูกยาก ในช่วง 2 เดือนแรกหลังจากได้กิ่งพันธุ์มาปลูกห้ามใส่ปุ๋ย ใช้วิธีรดน้ำสม่ำเสมอ เดือนที่ 3 เริ่มใส่ปุ๋ย ห้ามใช้ น้ำส้มควันไม้ พริกแกงเผ็ดรดเด็ดขาด จะทำให้ใบมะกรูด ยอดหด ใบหงิกงอ  ให้ใช้ปุ๋ยเย็นฉีด ปุ๋ยยูเรีย  ควบคู่กับการฉีดน้ำปูนใส ที่ได้จากปูนขาว โดยหน้าฝนฉีดวันเว้นวัน ป้องกันโรคแฮงเกอร์   จากนั้นดูแลลดน้ำสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ดูแลเรื่องโรคระบาด ตัดแต่งกิ่งใบที่หงิกงอทิ้ง ดูแลให้แตกยอดใบเท่านั้นเมื่อใบเริ่มแก่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ 4-5 ครั้ง ขณะที่รายได้ถ้าตัดขายเป็นกิ่งขายได้ กิโลกรัมละ 30 บาท     แต่หากเด็ดขายเป็นใบขายได้กิโลกรัมละ 50 บาท ในขณะที่ผลผลิตใบมะกรูดช่วงนี้เก็บได้ครั้งละประมาณ 1,000  กิโลกรัม นับว่ามะกรูด เป็นอีกอาชีพที่สามารถรายได้ดีตลอดทั้งปีสามารถทำเงินจากการปลูกเพียง 1 ไร่ ได้เงินเป็นหลักแสนบาท

////////////

 

แสดงความคิดเห็น