ชาวอำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินตัดหวายลูกนิมิตร พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ บูรณะพระอุโบสถวัดวังทองวราราม พร้อมพระราชทาน หน้าบันพระอุโบสถ ภปร. จารึกคาถา “ทย̣ยชาติยา สามคฺคิยํ สติสญฺชานเน โภชิสิยํ รกฺขนฺติ” คนชาติไทย จะรักษาความเป็นไทยอยู่ได้ ด้วยมีสติ สำนึกอยู่ในความสามัคคี
วันนี้ (21 ต.ค.59 ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่วัดวังทองวราราม อ.วังทอง จ.พิษณุโลก นายสมศักดิ์ บัวคำ อายุ 57 ปี ชาว อ.วังทองได้เล่าถึงประสบการณ์ในวัยเยาว์ ที่ตนเองได้มีโอกาสทำงาน “ปิดทองหลังพระ” จัดเตรียมสถานที่รับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เมื่อปี พ.ศ. 2519 ที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนิน ตัดหวายลูกนิมิตรอุโบสถวัดวังทองวราราม โดยนายสมศักดิ์ เล่าว่า ความเป็นมาของอุโบสถหลังนี้ เกิดขึ้นจากความรักความสามัคคี ของชาว อ.วังทอง อย่างแท้จริง เพราะเป็นอุโบสถที่ชาวบ้านร่วมแรงร่วมใจกันสร้าง โดยได้มีการขอพระราชทานแบบพระอุโบสถมาจากสำนักราชวัง ใช้เวลาถึง 5 ปีจึงสร้างแล้วเสร็จ
ผู้นำชาวบ้านในครั้งนั้นจึงได้ทำหนังสือไปยังสำนักราชวัง กราบบังคมทูลเชิญเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ 9 เป็นองค์ประธานตัดหวายลูกนิมิตร ความทราบถึงพระองค์ท่านถึงความสามัคคีของชาวอำเภอวังทอง ที่สามารถสร้างอุโบสถหลังนี้สำเร็จได้ด้วยความสามัคคี พระองค์จึงได้พระราชทาน หน้าบันพระอุโบสถ ภปร. จารึกคาถา “ทย̣ยชาติยา สามคฺคิยํ สติสญฺชานเน โภชิสิยํ รกฺขนฺติ” คนชาติไทย จะรักษาความเป็นไทยอยู่ได้ ด้วยมีสติ สำนึกอยู่ในความสามัคคี และเสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์อัครราชกุมารี ตัดหวายลูกนิมิตอุโบสถวัดวังทองวราราม เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2519 และพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ 30,000บาท เพื่อบูรณะอุโบสถ เป็นสถานที่ศึกษาประวัติศาสตร์ ในครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงทอดพระเนตร คูหาพระพุทธชินราชจำลอง พระพุทธปฎิมากรประธาน ประจำอุโบสถ ทรงรับสั่งว่า “งดงามมาก”
นายสมศักดิ์ ยังได้เล่าต่ออีกว่า ตนเองเคยรู้สึกเสียดายที่มีโอกาสได้ช่วยงานอยู่ในวัดวังทองวรารามในสมัยนั้น แต่ไม่มีโอกาสได้กราบพระบาท เมื่อพระองค์เสด็จมาถึง เพราะมีหน้าที่เป็นเพียงคนเบื้องหลังเท่านั้น แต่ก็ยึดคำสอนของพระองค์ท่าน ในเรื่อง “ปิดทองหลังพระ” แม้จะไม่ได้เข้าเฝ้า แต่ก็ได้เป็นส่วนหนึ่งของพระราชพิธีสำคัญในประวัติศาสตร์ของชาวอำเภอวังทอง