ข้อเสนอชาวบางระกำเสนอขอให้มีการผันน้ำในแม่น้ำยมฝั่งขวา ลงสู่แก้มลิงบึงใหญ่ 3 แห่ง เป็นโครงการเร่งด่วนที่สุดก่อนหมดฝนแก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เห็นดีด้วยพร้อมสั่งการให้ลงมือดำเนินการทันที คาดประโยชน์เกิดแก่ประชาชนแน่นอนพร้อมดำเนินการตามแนวทางประชารัฐ
อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก เป็นอำเภอที่ขึ้นชื่อว่าเกิดน้ำท่วม และน้ำแล้งเป็นประจำทุกปี อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของแม่น้ำยมที่ไหลผ่าน เพราะแม่น้ำยมนั้นไม่มีเขื่อนไว้สำหรับการคอลโทรลน้ำ แต่ก็มีแนวความคิดที่จะมีแหล่งเก็บน้ำหรือแก้มลิงไว้บ้าง เป็นจุด ๆ กระจายไปตลอดลำน้ำยม แต่ปัญหานี้ก็คงต้องแก้ไขด้วยการถามประชาชนในพื้นที่ว่าเขาต้องการอย่างไร จึงจะถือว่าเกาอย่างถูกที่คัน
นาย วิบูลย์ ตั้งเกษมวิบูลย์ นายกเทศมนตรีเทศบาลบางระกำเมืองใหม่กล่าวว่า ทุกวันนี้หลายฝ่ายก็พยายามหาหนทางที่จะแก้ไขอย่างยั่งยืน เห็นได้จากโครงการต่าง ๆ เกิดขึ้นก่อนหน้านี้มากมาย เช่น การขุดพื้นที่สาธารณะเป็นบึง 3 บึงขนาดใหญ่ ได้แก่ บึงระมาณ บึงตะเคร็ง และบึงขี้แร้ง เป็นแก้มลิงขนาดใหญ่ไว้แล้วอย่างสมบูรณ์ ซึ่งสามารถจะเก็บน้ำเวลาน้ำหลากไว้ได้บ้างบางส่วน ตามแผนก็จะเก็บไว้ใช้ยามเกิดภัยแล้ง เหมือนเช่น เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา แต่ก็ไม่เป็นไปตามแผน เพราะไม่มีน้ำไหลเข้าบึงอย่างเป็นระบบ มีเพียงน้ำฝนเล็กน้อยเท่านั้น และได้ยื่นเรื่องเสนอต่อ พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คราวที่เดินทางมารับฟังปัญหาที่ องค์การบริหารส่วนตำบลชุมแสงสงคราม อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก เมื่อ 20 ก.ย.59 แล้วเห็นชอบต่อโครงการด่วนนี้ จึงเน้นย้ำให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเข้ามาดำเนินการอย่างเร่งด่วนก่อนฝนนี้จะหมด โดยปีนี้เมื่อมีฝนตกลงมา มีน้ำหลากมาจากจังหวัดสุโขทัย เมื่อน้ำมารวมกันอยู่ที่ประตูน้ำคลองวังสะตือ อำเภอกงไกรลาศ จังหวัดสุโขทัยแล้ว ส่วนใหญ่กรมชลประทานจะผันน้ำลงสู่แม่น้ำน่านทางฝั่งซ้าย เพื่อให้จังหวัดสุโขทัยปลอดภัยจากน้ำท่วมพื้นที่เศรษฐกิจ ถือว่าเป็นน้ำทิ้งเปล่า ในขณะที่ชาวอำเภอบางระกำ ยังมีความต้องการให้มีการบริหารจัดการกับน้ำในลุ่มน้ำยมมาทางฝั่งขวาบ้างเพื่อเก็บเข้าในบึง 3 บึงดังกล่าวโดยตรงอย่างเป็นระบบ ตรงนี้จะเป็นที่สูงและอยู่นอกเขตชลประทาน ปัจจุบันบึงตะเคร็งมีความจุน้ำ 13 ล้านลูกบากศ์เมตร แต่มีน้ำวันนี้เพียง 2 ล้านลูกบากศ์เมตร บึงระมาณมีความจุน้ำ 16 ล้านลูกบากศ์เมตร แต่มีน้ำวันนี้เพียง 5 ล้านลูกบากศ์เมตร และบึงขี้แร้งมีความจุน้ำ 1.8 ล้านลูกบากศ์เมตร แต่มีน้ำวันนี้เพียง 1 แสนลูกบากศ์เมตร เท่านั้นทั้ง 3 บึงยังรับน้ำได้อีกรวมแล้วประมาณ 32 ล้านลูกบากศ์เมตร โดยมีการทำงานแบบประชารัฐมีการประชุมพูดคุยกัน โดยบทสรุปต้องขอใช้ประโยชน์จากที่ดินของชาวบ้านจากคลองวังสะตือ จำนวนความยาว 3 กิโลเมตร และเชื่อมต่อเข้ากับคลองเก่า เช่น คลองสุชน คลองแพงพวย และคลองกรุงกรัก ที่ตื้นเขินผ่านตำบลบึงกอก ถึงบ้านโคกสว่าง ผ่านท่อลอดที่สูงกว่าระดับระบายแล้วลงสู่บึงดังกล่าว และยังระบายเก็บไว้ในคลองธรรมชาติต่าง ๆ เช่น คลองวัดไร่ ตำบลวังอิทก อำเภอบางระกำ และอื่น ๆ เพื่อเก็บและบรรเทาปัญหาอุทกภัยในปัจจุบันได้ด้วย โดยวันนี้เริ่มที่ตำบลบึงกอกก่อน เพราะกำลังมีปัญหาน้ำท่วมนาข้าวในปัจจุบันอยู่ อีกทั้งก็ยังจะบรรเทาปัญหาน้ำท่วมที่สุโขทัยได้ด้วย และชาวบางระกำก็จะได้น้ำเก็บไว้ในบึง พร้อมที่จะยอมที่จะใช้พื้นที่นาเป็นพื้นที่รองรับน้ำในช่วงน้ำหลากของทุกปี พร้อมกันนี้ก็ยังได้เสนอโครงการเลื่อนเวลาการเพาะปลูกข้าวชาวบางระกำลงมาโดยจะเริ่มทำตั้งแต่เดือนเมษายน เพื่อจะได้เวลาเก็บเกี่ยวก่อนน้ำมา โดยช่วงเมษายนฤดูแล้งก็จะใช้น้ำจากบึง 3 บึง
นาย ชำนาญ ชูเที่ยง ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษายมน่าน กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางโครงการได้ทราบปัญหาและความต้องการของประชาชนชาวบางระกำอยู่แล้ว เพราะมีการประสานงานกับผู้นำท้องถิ่น ผู้น้ำท้องที่เสมอมา การที่ชาวบ้านเสนอโครงการนี้เข้ามาต่อ รัฐมนตรีเกษตรนั้น เป็นสิ่งที่ดี ปัญหาที่ต้องมีการเจรจากับชาวบ้านเจ้าของที่ที่ชลประทานต้องขุดผ่านความยาว 3 กิโลเมตรนั้น คาดว่าไม่มีปัญหา ผลดีที่เกิดขึ้นน้ำที่เก็บไว้นี้จะเป็นตัวช่วยในระบบนิเวศน์ในเรื่องการเกษตรของบางระกำตอนช่วงแล้ง ส่วนช่วงน้ำหลากนั้นเรายังมีอาชีพรองรับอยู่แล้ว และยังสามารถเป็นพื้นที่รับน้ำหลากจากสุโขทัยได้ส่วนหนึ่ง แต่ที่สำคัญที่นี่ต้องมีน้ำทำนาให้เก็บเกี่ยวก่อนน้ำมาให้ได้เพื่อดำรงวิถีชีวิตอย่างมีสุขของชาวบางระกำไว้ให้ได้ และวันนี้ทางโครงการชลประทานจังหวัดพิษณุโลก ได้เริ่มส่งเครื่องมือ เช่น รถโกยตัก และกำลังคน ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลในพื้นที่ลงมือแล้ว เพื่อให้ทันก่อนหมดฝนนี้
นาย รุ่ง กลิ่นทับ ชาวบ้านอำเภอบางระกำรายหนึ่งก็กล่าวเห็นดีด้วยกับการขุดลอก และนำน้ำเก็บเข้าบึงครั้งนี้ เพราะจะช่วยประชาชนได้ ทั้งเมื่อคราวประสบแล้ง และประสบกับอุทกภัย และจะได้ใช้ประโยชน์จากบึงทั้ง 3 อย่างเต็มที่เสียที ที่สำคัญจะได้มีน้ำทำนากันก่อนล่วงที่จะน้ำมาท่วม ตามคำบอกที่ว่าคนบางระกำอยากให้น้ำท่วมนั้นไม่แน่เสมอไป คนทำประมงก็อยากได้น้ำ คนทำนาก็อยากได้น้ำในปริมาณพอควร แต่ตอนนี้กลับเป็นว่าน้ำท่วมไม่เป็นฤดูเสียแล้ว
อย่างไรก็ตาม การทำงานแบบประชารัฐ คือประชาชนร่วมกับภาครัฐ จะส่งผลทำให้การแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด ส่วนผลของโครงการนี้จะได้ผลอย่างไรนั้น ต้องรอจนกว่าการดำเนินการจะแล้วเสร็จจากนั้นจะได้มีการประเมินผลกัน แต่ก็โชคดีว่า การดำเนินการยังเป็นช่วงที่มีฝนตกชุก หวังเพียงว่าอีก 1 เดือน เมื่อหมดฝนแล้ว จะมีน้ำมากในบึงและแก้มลิงต่าง ๆ ปัญหาก็จะได้คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น และเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ ความสุขที่เกิดขึ้นกับประชาชนยิ่งเกิดมากเท่าไหร่ นั่นคือสิ่งชี้วัดความสำเร็จของโครงการเร่งด่วนนี้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
… สุรเชษฐ์ มากร… รายงาน …
ขอบคุณภาพประกอบจากนายกเทศมนตรีบางระกำเมืองใหม่ คุณวิบูลย์ ตั้งเกษมวิบูลย์
26 กันยายน 2559