ชาวบ้านบางบ้า ต.ชุมแสงสงคาม อ.บางระกำ ระดมจ้างรถแบ็คโฮขุดคันดินกั้นน้ำเข้าท่วมนาข้าว
เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก ขณะนี้พบว่าในพื้นที่ อ.บางระกำ จังหวัดพิษณุโลก มีพื้นที่ประสบความเดือดร้อนเป็นวงกว้างหลายตำบล ภายหลังได้รับผลกระทบจากปริมาณน้ำที่ไหลบ่ามาจากจังหวัดสุโขทัย ก่อนไหลลงสู่แม่น้ำยมมาสู่ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ได้ไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่บ้านเรือนประชาชนและพื้นที่การเกษตรใน อ.บางระกำ ส่งผลให้มีพื้นที่บ้านเรือนประชาชนและพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง จึงเดินทางไปตรวจสอบพบว่าชาวบ้านหมู่ที่ 1 บ้านบางบ้า ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก จำนวนนับสิบคนได้ช่วยกันกรอกกระสอบทรายเพื่อนำไปกั้นน้ำที่กำลังไหลบ่าจะไหลเอ่อล้นเข้าท่วมนาข้าวของ นางลำเจียก ขำศรี อายุ 46 ปี ชาวนาหมู่ที่ 1 บ้านบางบ้า ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ซึ่งกำลังออกรวงรอการเก็บเกี่ยวผลผลิตที่เหลือเวลาเพียงไม่กี่วัน พร้อมทั้งยังได้ว่าจ้างรถแบ็คโฮมาขุดคันดินกั้นน้ำไม่ให้ไหลเข้าท่วมนาขาว
นางลำเจียก ขำศรี เปิดเผยว่า ตนเองได้ทำนาข้าวจำนวน 30 ไร่ ซึ่งขณะนี้ต้นข้าวกำลังออกรวงรอวันเก็บเกี่ยวผลผลิตเหลืออีกเพียงแค่ 20 วันเท่านั้น แต่ขณะนี้ระดับน้ำในคลองชุมแสงสงครามที่มีปริมาณเพิ่มมากขึ้นและกำลังจะไหลเอ่อล้นเข้าท่วมนาข้าวของตน ด้วยความหวาดกลัวว่านาข้าวจะได้รับความเสียหายทั้งหมดจึงได้จ้างรถแบ็คโฮมาขุดคันดินกั้นน้ำชั่วโมงละ 1,800 บาท และได้ไปขอกระสอบทรายจากทาง อบต.ชุมแสงสงคราม มาจำนวนหนึ่ง โดยมีเพื่อนบ้านมาช่วยกันกรอกทรายใส่กระสอบแล้วนำมากั้นน้ำไม่ให้ไหลเข้าท่วมนาข้าวของตนเอง ซึ่งถ้าหากไม่สามารถกั้นน้ำเข้าท่วมนาข้าวของตนเองได้ก็ต้องยอมทำใจและต้องแบกรับภาระหนี้สินนับแสนบาท เนื่องจากตนเองได้ไปกู้เงินจาก ธกส. มาจำนวน 30,000 บาท และหนี้สินจากการซื้อปุ๋ย ยา และสารเคมีกำจัดศัตรูพืชอีกจำนวนกว่า 70,000 บาท
ขณะที่ นายสำราญ คอยแสง สมาชิก อบต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ เปิดเผยว่า ขณะนี้ในพื้นที่หมู่ 1 บ้านบางบ้า ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ มีนาข้าวถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหายไปแล้วกว่า 3,000 ไร่ โดยขณะนี้น้ำที่เอ่อล้นเข้ามาได้กัดเซาะถนนเชื่อต่อ 2 หมู่บ้าน คือ ม.1 บ้านบางบ้า ต.ชุมแสงสงคราม และ ม.6 บ้านหนองขานาง ต.คุยม่วง ล่าสุดได้นำรถแบ็คโฮและรถบรรทุกสิบล้อของ นายเพชรรุ่ง สุขเกษม กำนันตำบลชุมแสงสงคราม และรถไถมาช่วยกันขุดและดันดินเพื่ออุดท่อน้ำที่ถูกกระแสน้ำกัดเซาะจนเกือบจะขาด ซึ่งหากไม่สามารถต้านกระแสน้ำได้จะส่งผลทำให้พื้นที่นาของเกษตรกรในหลายหมู่บ้านถูกน้ำท่วมกว่า 10,000 ไร่.