เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 22 ก.ย.2559 ร.ต.อ.อำนาจ อ่อนปาน รอง สว. (สอบสวน) สภ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งว่ามีผู้เสียชีวิตในห้องพักของโรงแรมแห่งหนึ่ง ใน อ.เมือง จ.พิษณุโลก หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ทรงพล สังข์เกษม ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก ตำรวจชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่วิทยาการพิสูจน์หลักฐาน 6 ภ.จว.พิษณุโลก และแพทย์เวรโรงพยาบาลพุทธชินราช ที่เกิดเหตุบริเวณชั้น 4 ห้อง 410 พบศพผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย หญิง 1 ราย ทราบชื่อผู้เสียชีวิตต่อมา คือ นายวิสูตร รอดบุญยัง อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11 ต.หนองป่าครั่ง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ และ นางพิมลพรรณ รอดบุญยัง อายุ 57 ปี ทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน สภาพศพผู้ชายนอนคว่ำหน้าอยู่ที่พื้นล่างข้างเตียง มีถุงหิ้วพลาสติกคลุมศีรษะจนมิดและพันปิดทับด้วยเทปกาวรอบลำคออย่างแน่นหนา ส่วนศพผู้หญิงนอนหงายเสียชีวิตอยู่บนเตียงติดประตูทางเข้าห้องพัก คาดว่าทั้งคู่เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 8 ชม. จากการตรวจสอบในห้องพักพบขวดเบียร์ยี่ห้อหนึ่งถูกเปิดดื่มไปจนหมด แต่ไม่พบร่องรอยการรื้อค้นทรัพย์สินหรือร่องรอยการต่อสู้ใดๆ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจึงเก็บรอยนิ้วแฝงพร้อมหลักฐานอื่นตามหลักนิติวิทยาศาสตร์อย่างละเอียด
จากการสอบถามพนักงานของโรงแรมทราบว่า ผู้เสียชีวิตเดินทางมาเข้าพักที่โรงแรมตั้งแต่เมื่อวันที่ 21 ก.ย. ที่ผ่านมา กระทั่งช่วงเที่ยงของวันนี้จึงโทรศัพท์ไปสอบถามว่าจะพักต่อหรือไม่แต่ก็ไม่มีใครรับสาย จึงคิดว่าน่าจะนอนหลับพักผ่อนกันอยู่ กระทั่งช่วงบ่ายจึงขึ้นไปเคาะประตูห้องเพื่อสอบถามอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีใครตอบรับกลับมา และประตูห้องก็ถูกล็อคกลอนจากข้างใน จากนั้นจึงไปตามให้คนมาช่วยกันงัดห้องดังกล่าวเข้าไปดูก็พบว่าทั้งคู่เสียชีวิตแล้ว
สันนิษฐานเบื้องต้นคาดว่า สาเหตุของการเสียชีวิตครั้งนี้จากแนวทางการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่าทั้งคู่มีปัญหาส่วนตัวเรื่องคดีความเรื่องใดเรื่องหนึ่งจนคิดหาทางออกไม่ได้ ฝ่ายสามีจึงอาศัยจังหวะที่ภรรยาหลับใช้หมอนกดปิดใบหน้าจนขาดอากาศหายใจ ส่วนตัวเองก็ใช้ถุงหิ้วพลาสติกคุมศีรษะก่อนใช้เทปกาวที่เตรียมไว้พันปิดรอบคออีกครั้ง จนขาดอากาศหายใจเสียชีวิตอีกคน ส่วนสาเหตุที่แท้จริงครั้งนี้จะต้องรอสอบปากคำญาติและผู้ใกล้ชิดอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย และจะส่งร่างของผู้เสียชีวิตไปผ่าชันสูตรพลิกศพที่นิติเวชโรงพยาบาลพุทธชินราช ก่อนติดต่อให้ญาตินำกลับไปบำเพ็ญกุศลตามพิธีทางศาสนาต่อไป.