เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 5 สิงหาคม 2559 ที่ตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก พล.ต.ท.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร ผบช.ภ.6 พล.ต.ต.ชวลิต ชาญเวชช์ รอง ผบช.ภ.6 พล.ต.ต.อนุรักษ์ แตงเกษม รอง ผบช.ภ.6 ร่วมกันแถลงข่าว ผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ก่อนการออกเสียงลงประชามติในพื้นที่รับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค 6 ห้วงระหว่างวันที่ 11 ก.ค.-4 ส.ค.59
ตามที่ คสช. ได้แต่งตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญขึ้น ทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญ อันเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลเพื่อให้ประเทศชาติมีประชาธิปไตย โดยการร่างรัฐธรรมนูญดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว อยู่ในขั้นตอนการเสนอร่างให้ประชาชนทั้งประเทศออกเสียงประชามติ ซึ่งได้มีการกำหนดวัน เวลา ขั้นตอน วิธีการและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนไปออกเสียงประชามติ ในวันอาทิตย์ที่ 7 ส.ค.59 นั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. จึงได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยการออกเสียงประชามติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศรส.ปต.ตร.) ซึ่งได้เปิดศูนย์ฯ ไปแล้ว เมื่อวันที่ 11 ก.ค.59 ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ยังได้ให้ทุกหน่วยระดมกวาดล้างอาชญากรรม ก่อนการออกเสียงลงประชามติในพื้นที่รับผิดชอบระหว่างวันที่ 11 ก.ค. – 10 ส.ค.59 โดยเน้นความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน อาวุธสงครามและวัตถุระเบิด มือปืนรับจ้าง ผู้มีอิทธิพลที่กระทำผิดกฎหมาย คดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ คดีค้างเก่า โดยเฉพาะผู้มีพฤติการณ์หรือความประพฤติไม่เรียบร้อยและหรือมีประวัติเคยมีหรือใช้อาวุธปืน อาวุธสงคราม วัตถุระเบิด คดียาเสพติด อบายมุข ทุกประเภท และสถานการณ์ผิดกฎหมาย ผลระดมกวาดล้างอาชญากรรม ระหว่างวันที่ 11 ก.ค. – 4 ส.ค.59 รวม 25 วัน สามารถจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายได้ จำนวน 4,483 ราย ผู้ต้องหา 4,972 คน ตรวจยึดของกลาง อาวุธปืนได้ จำนวน 340 กระบอก ตรวจยึดของกลางยาบ้าได้ จำนวน 136,294 เม็ด จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับค้างเก่าได้ จำนวน 159 หมาย พร้อมทั้งได้ทำการขยายผลขบวนการค้ายาเสพติด สามารถจับกุมพ่อค้า และยึดทรัพย์สินในพื้นที่ จ.สุโขทัย ได้รถยนต์ จำนวน 9 คัน โฉนดที่ดิน และสมุดบัญชีธนาคาร อีกจำนวนหนึ่ง
พล.ต.ท.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร ผบช.ภ.6 ได้กล่าวว่า ในส่วนของตำรวจภูธรภาค 6 เองตอนนี้ได้เตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่ทุกนายอย่างเต็มที่ โดยก่อนหน้านี้ได้ดำเนินการจัดอบรมเจ้าหน้าที่ เกี่ยวกับเรื่องกฎหมาย ควบคุมต่างๆ ซึ่งในพื้นที่ของตำรวจภูธรภาค 6 มีหน่วยในการจัดลงเสียงประชามติทั้งสิ้น ประมาณ 9000 กว่าหน่วย ซึ่งได้จัดชุดเคลื่อนที่เร็วไว้ตามจุดต่างๆ หากเกิดเหตุการณ์ใดๆ ขึ้น ชุดเคลื่อนที่เร็วจะใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที ในการเดินทางเข้าไปควบคุมหรือระงับเหตุ ทั้งสิ้นกว่า 9000 หน่วยในพื้นที่ ส่วนในพื้นที่ที่เฝ้าระวัง และจับตามากที่สุด คือพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ และ กำแพงเพชร แต่มั่นใจว่าทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย
////////