วันที่ 3 สิงหาคม 2559 จากสถานการณ์ราคาขายปลีกกล้วยน้ำว้าทั่วประเทศมีราคาพุ่งไม่หยุด ราคาขายปลีกตามท้องตลาดอยู่ที่หวีละ 35-45 บาทมาอย่างต่อเนื่องหลายเดือน เป็นผลมาจากสภาพวะภัยแล้งช่วงกลางปี 2559 ที่ผ่านมา ทำให้ต้นกล้วยยืนต้นตาย ผลผลิตออกมาในปริมาณน้อย ที่อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก แหล่งผลิตกล้วยตากและแหล่งปลูกกล้วยน้ำว้าแหล่งใหญ่ของจ.พิษณุโลก หลังจากได้ฝนมาเกือบสองเดือน ตลอดสองข้างทางสายท่าตาล-บางกระทุ่ม สวนกล้วยของเกษตรกรเริ่มฟื้นตัว ชูใบเขียวและแตกหน่ออ่อนขึ้นมาเป็นจำนวนมาก และจากการสำรวจพบว่า เกษตรกรที่เคยทำนา ได้แบ่งพื้นที่นาบางส่วนมาปลูกกล้วยน้ำหว้ากันจำนวนมาก
นายเฉลียว อ่ำกำเนิด อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 100/2 ต.ท่าตาล อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก เปิดเผยว่า ตนทำสวนกล้วยพันธุ์น้ำว้าพันธุ์ดั้งเดิมของอำเภอบางกระทุ่ม และสวนผสมหลากหลายมาเป็นเวลา 25 ปีแล้ว ในพื้นที่ 9 ไร่ที่ตำบลท่าตาล ชื่อสวนกล้วย แสงตะวัน ฤดูแล้งที่ผ่านมา สวนกล้วยของตนได้รับผลกระทบจากภัยแล้งอย่างมากเช่นกัน กล้วยขาดน้ำ ยืนต้นตาย และผลผลิตออกมาน้อย ส่งผลให้ราคาขายกล้วยน้ำว้าจากสวนตนปีนี้มีราคาสูงกว่าทุกปีที่ผ่านมา โดยมีผู้มารับซื้อถึงสวนในราคากิโลกรัมละ 10 บาท หรือเฉลี่ยหวีละ 15 บาท ขณะที่ราคาขายปลีกในตลาดต่าง ๆ ปีนี้ก็สูงถึงหวีละ 35-40 บาท ที่ผ่านมาก็เคยมีกล้วยของเพื่อนบ้านบางคนหายบ้าง ทำให้ตนต้องออกเทียวมาตรวจตราสวนกล้วยตนเป็นประจำทุกคืน
นายเฉลียว เผยต่อว่า ขณะนี้เริ่มได้ฝนมาเดือนกว่าแล้ว สวนกล้วยก็เริ่มฟื้นตัว และแตกหน่อออกมาเป็นจำนวนมาก ในทุก ๆ วัน มีผู้มาขอซื้อหน่อกล้วยที่สวนตนเป็นประจำ ตนก็จะใช้ขุดหน่อกล้วยขายในราคาหน่อละ 15 บาท มีคนมาซื้อถึงที่ บางรายก็มาสั่งในปริมาณมาก 800-1,000 หน่อ ขณะที่กล้วยที่กำลังออกเครือระยะนี้ จะเริ่มเก็บเกี่ยวได้มากขึ้นในช่วงประมาณเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน ช่วงนั้นเมื่อผลผลิตเริ่มออกมามาก ราคารายปลีกน่าจะปรับตัวลดลง
นายมณเฑียร รอดเครือวัลย์ ผู้ใหญ่บ้านม.2 ต.ท่าตาล อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก เปิดเผยว่า ปีนี้เกษตรกรในหลายหมู่บ้านได้ปรับพื้นที่นาบางส่วนมาลงทุนปลูกกล้วยน้ำว้ามากขึ้น จากที่ราคากล้วยพุ่งสูง ขาดตลาด และมีความต้องการใช้กล้วยทำกล้วยตากมากขึ้น และเชื่อว่าราคาขายปีหน้าก็คงไม่ตก เพราะความต้องการกล้วยมีมาก ขณะที่ราคาข้าวกลับราคาตกต่ำลง