ที่โรงเรียนหนองพระพิทยา อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก น้อง ๆ นักเรียนกลุ่มนี้ กำลังโชว์เสน่ห์ปลายจวักในการทำแกงแคปลาย่าง ที่ไปคว้ารางวัลชนะเลิศจากการประกวดอาหารพื้นบ้าน “แกงแค” ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ในงานเกษตรนเรศวร ครั้งที่ 13 ที่คณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวรจัดขึ้น โดยมีโรงเรียนมัธยมศึกษาในเขตภาคเหนือตอนล่างร่วมแข่งกันกว่า 10 โรงเรียน นางสาวชนาภัทร แสงจันทร์ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 บอกว่า “แกงแค เป็นแกงผักพื้นบ้าน เป็นผักที่เราหาได้ตามธรรมชาติ สำหรับพวกเรา ไปได้รางวัลชนะเลิศในการประกวดของมหาวิทยาลัยนเรศวร งานเกษตรนเรศวรค่ะ แกงแค มีสรรพคุณหลายอย่าง ทั้งทางยาและเป็นสมุนไพรพื้นบ้าน ผักหลัก ๆ คือ ใบชะพลู ถั่วเปราะ มะเขือพวง เป็นผักที่เราไม่ต้องซื้อค่ะ เช่น ตำลึงกับชะอม เราเก็บได้ตามพื้นบ้าน แกงแค มีสารเบต้าแคโรทีน เป็นสารสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยต้านทานโรคต่าง ๆ สามารถนำไปต่อยอดเป็นอาชีพได้ เป็นอาหารสุขภาพ สำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก อาหารชนิดนี้จะช่วยควบคุมและมีประโยชน์ต่อร่างกายค่ะ” “แกงแค ” นี้ไม่ได้หมายความว่าใช้ ดอกแค มาทำแกง แต่ แค ทางภาคเหนือ หมายถึง การนำผักหลากชนิดมาแกงรวมกัน แกงแค เป็นแกงที่มีเนื้อสัตว์ผสมจะเป็นเนื้อ หมู ไก่ หรือปลาย่าง ก็ได้ มีผักหลายอย่าง ผสมในแกง แต่จะขาดใบชะพลู ไม่ได้เลย อีกอย่างหนึ่งก็คือ เมนูนี้จะไม่มีการใส่กะทิ จึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับไขมัน ในน้ำพริกแกงแคก็จะมีทั้ง พริก หอม กระเทียม ข่า ตะไคร้ ซึ่งสมุนไพรเหล่านี้ล้วนออกฤทธิ์ส่งเสริมจะมีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งสิ้น สำหรับวิธีทำ น้อง ๆ ได้นำผักที่ล้างสะอาดแล้วและหั่นหรือเด็ดตามความเหมาะสม ตำน้ำพริกโดยเริ่มจากพริกแห้งกับเกลือตามด้วยเมล็ดผักชี ตำให้แหลกตามด้วยข่า ตะไคร้ กระเทียม หอมแดง เอาลงคั่วใช้ไฟอ่อนๆ คั่วจนหอม เติมน้ำให้พอท่วม เมื่อน้ำเดือดแล้วเอาผักที่สุกยาก เช่น เห็ดลม มะเขือเปราะ ถั่วฝักยาว ลงต้มให้สุกก่อน แล้วจึงตามด้วยผักสุกง่ายอย่างใบชะพลู ใบพริก ยอดผักคราด ชะอม หอมแย่ คนให้ผักสุกทั่วจึงยกลง เป็นอันเสร็จพร้อมเสริฟ์ นับเป็นอาหารอีกรายการที่มีส่วนประกอบหลากหลาย เป็นอาหารพื้นบ้านของไทยเรา ที่บรรพบุรุษได้สะสมศิลปะและภูมิปัญญาเลือกสรรผักต่างกลิ่น ต่างรส มีคุณค่าทางอาหารและสรรพคุณทางยาให้สอดรับกัน ปรุงแต่งรสชาติให้กลมกล่อม และที่สำคัญบีตาแคโรทีน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และเพิ่มภูมิต้านทานของร่างกายอีกด้วย. …………………………………………………………………………………. วรางคณา อนันตะ / ภาพ-ข่าว นักประชาสัมพันธ์ชำนาญการพิเศษ สพม.39