จากกรณีคนร้ายใช้อาวุธปืนลูกซองยิงนางไว จักรจันทร์ อายุ 63 ปี เสียชีวิตกลางทุ่งนาหน้าบ้านเลขที่ 16 หมู่ 1 บ้านนาม่วง ต.ท่าสะแก อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก เมื่อวันที่ 21 กค. 2559 ที่ผ่านมา โดยคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นอดีตสามีของผู้เสียชีวิตเอง คือ นายเอิน แดงด่อน อายุ 87 ปี ที่เลิกรากันไปแล้วกว่า 2 ปี แต่ยังมาตามงอนง้อขอคืนดีอยู่เป็นประจำ แต่นางไวไม่เล่นด้วย จึงเกิดความแค้นเคืองทะเลาะมีปากเสียงกัน แล้วก่อเหตุยิงอดีตเมียรักดับคาที่ ก่อนจะหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจตามที่เสนอข่าวไปนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 22 ก.ค. 2559 พ.ต.ท.ณัฐวรรษ พรมปลูก สว. (สอบสวน) สภ.ชาติตระการ รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบศพคนเสียชีวิตในห้างนาร้าง หมู่ 5 บ้านนาม่วง ต.ท่าสะแก อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยแพทย์เวรโรงพยาบาลชาติตระการ และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยบูรพารุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุเป็นห้างนาร้างกลางทุ่งนาพบร่างผู้เสียชีวิต ทราบชื่อคือ นายเอิน แดงด่อน อายุ 87 ปี อยู่บ้านเลขที่ 16 หมู่ 1 ต.ท่าสะแก อ.ชาติตระการ สภาพศพสวมเสื้อแขนสั้นสีน้ำเงิน นุ่งกางเกงขาสั้นสีดำ มีน้ำลายฟูมปาก ผิวปากดำคล้ำ มือทั้งสองข้างกำแน่น ดวงตาเบิกโพลง เนื้อตัวเริ่มแข็งทื่อ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 8 ชม. ใกล้กันพบขวดเครื่องดื่มชูกำลังผสมยาฆ่าแมลงตกอยู่ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนทราบว่า นายเอิน แดงด่อน ผู้เสียชีวิต เป็นผู้ต้องหาในคดียิงนางไว จักรจันทร์ อายุ 63 ปี อดีตภรรยาที่เพิ่งเลิกรากันไปเป็นเวลา 2 ปี กระทั่งเมื่อวานที่ผ่านได้มาของ้อคืนดีแต่นางไวไม่ยอมกลับไปคบด้วย และมีปากเสียงทะเลาะกันอย่างรุนแรง จนเป็นเหตุให้นายเอินใช้อาวุธปืนลูกซองที่เตรียมมายิงใส่ร่างนางไวจนล้มทั้งยืนเสียชีวิตคาที่ ก่อนจะหนีไปหลบซ่อนตัวให้พ้นการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่คาดว่าด้วยความเกรงกลัวความผิดกฎหมายอาญาบ้านเมือง หรือถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจไล่ล่าจนเกิดความกดดันและตึงเครียด จึงตัดสินใจคิดสั้นกินเครื่องดื่มชูกำลังผสมยาฆ่าแมลงเพื่อหนีความผิดในห้างนาร้าง ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กม. กระทั่งมีชาวบ้านมาพบเข้าแล้วโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ตรวจสอบในที่สุด หลังเกิดเหตุได้นำร่างผู้เสียชีวิตส่งผ่าชันสูตรที่นิติเวชโรงพยาบาลพุทธชินราช เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย พร้อมรายงานให้ผู้บังคับบัญชารับทราบ ก่อนมอบศพให้ญาติรับกลับไปบำเพ็ญกุศลตามพิธีทางศาสนาต่อไป.
…………………………………………………………………………………………………………