วันที่ 22 มิถุนายน 2559 ผู้สื่อข่าวสำรวจราคาขายกล้วยชนิดต่าง ๆ ในจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเดือนมิถุนายนนี้ เป็นช่วงที่ราคาขายปลีกกล้วยได้ขยับราคาขึ้นสูงมาก และปี 2559 นี้น่าจะเป็นปีที่ราคาขายแพงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ที่จุดขายกล้วยหลากชนิดที่ตลาดใต้ ตลาดเทศบาล 1 อ.เมืองพิษณุโลก ที่ปัจจุบันได้ย้ายสถานที่มาจำหน่ายในปั้มน้ำมันเก่า ใกล้สเต็กลุงหนวด ห่างจากจุดเดิมหน้าศาลเจ้าแม่ทับทิมเล็กน้อย พ่อค้าแม่ค้า ยังคงวางจำหน่ายกล้วยหอม กล้วยน้ำว้าตามปกติ แต่ราคาจำหน่าย ณ ขณะนี้ ได้สูงมากที่สุดในรอบหลายปี
โดยราคาขายปลีกกล้วยน้ำว้า ตกที่หวีละ 35-50 บาท ตามขนาดของหวีและผลกล้วย กล้วยหอม ราคาขายปลีกอยู่ที่หวีละ 80-100 บาท ตามขนาดและความสวยของกล้วย เป็นราคาที่ปรับขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา จากเดิมโดยเฉลี่ยแล้ว ราคาขายปลีกกล้วยน้ำว้า จะอยู่ที่หวีละ 15-20 บาท ขณะที่กล้วยหอม ราคาจำหน่ายจะอยู่ที่หวีละ 40-50 บาท ซึ่งจากการสังเกตการณ์ ผู้บริโภคที่เป็นลูกค้าประจำ ก็ยังคงมาเลือกซื้อกล้วยอยู่บ้าง
นางสังวาลย์ ฟักบ้านใหม่ อายุ 58 ปี แม่ค้าขายกล้วยที่ตลาดใต้ เปิดเผยว่า เป็นผลมาจากปีนี้มีหน้าแล้งที่สุด ทำให้กล้วยที่ปลูกในหลายพื้นที่ตาย หรือ ไม่เจริญเติบโต ที่ออกหวีก็มีบ้างแต่ผลเล็ก และเป็นธรรมชาติของราคากล้วยที่จะปรับราคาสูงในช่วงนี้หลังจากผ่านหน้าร้อนมา แต่ยอมรับว่า ราคากล้วยปีนี้ ได้ปรับตัวสูงขึ้นมากที่สุดแล้วนับแต่พวกตนขายกล้วยกันมา กล้วยน้ำว้า ราคาขายปลีกสูงสุดถึงหวีละ 50 บาท กล้วยหอม ราคาขายปลีกสูงสุดหวีละ 100 บาท พวกตนรับกล้วยจากอำเภอต่าง ๆ ในพิษณุโลกมาขาย ได้กำไรบ้างหวีละ 5 บาท ก็อธิบายให้ลูกค้าเข้าใจ ว่าต้นทุนรับมาสูงมาก จึงต้องขายสูงด้วย จะมีบ้างสำหรับกล้วยน้ำว้าที่ขายให้ลูกค้าขาประจำที่ซื้อไปทำกล้วยทอด ก็จะขายราคาไม่สูงมากนัก
ที่ร้านป้าแจ๋วกล้วยทอด บริเวณห้าแยกสุรสีห์ อ.เมืองพิษณุโลก นางบูชา ตังศรีวงศ์ เจ้าของร้านป้าแจ๋วกล้วยทอด กล่าวว่า ช่วงนี้ต้นทุนกล้วยน้ำว้ามาสูงมาก รับมาหวีละ 30-35 บาท ช่วงนี้ก็จำหน่ายกล้วยทอดลดลง จากเดิมเคยทอดขายวันละ 30 หวี ก็ลดลงเหลือวันละ 20 หวี และขอปรับราคาเพิ่มขึ้น จากเดิมขายกล้วยทอดชิ้นละ 2 บาท เพิ่มขึ้นชิ้นละ 50 สตางค์ เป็น 2 ชิ้น 5 บาท ลูกค้าขาประจำก็เข้าใจ เพราะต่างก็รู้ว่ากล้วยแพง ส่วยข้าวเม่าพอก ก็ใช้กล้วยหอมมาแทนกล้วยไข่ ที่ช่วงนี้ไม่ค่อยมีออกมา แต่ก็จำหน่ายในราคาเดิม