เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 12 มิ.ย. 2559 พ.ต.ท.สุรเดช พจนาวงษ์พานิช ผกก.สภ.วังทอง จ.พิษณุโลก พร้อมด้วย พ.ต.ท.อนุชิต อุดมภักดี รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ ไชยวรรณ์ สว.สส. ร่วมกับ พ.ต.ท.สุทธิพันธ์ วันที รอง ผกก.สส.สภ.นครไทย และ พ.ต.ท.ธีรภาพ ลือราช รอง ผกก.ป.สภ.นครไทย และชุดสืบสวน ควบคุมตัวนายวิโรจน์ เกิดช้าง อายุ 39 ปี บ้านเลขที่ 106 หมู่ 18 ต.หนองกะท้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ตามหมายจับของศาลจังหวัดพิษณุโลก ที่ 191/2559 ลงวันที่ 11 มิ.ย. 2559 ในข้อหา “ชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย” พร้อมของกลางหมวกนิรภัยแบบเต็มใบสีดำ 1 ใบ เสื้อยีนส์แขนยาวสีน้ำเงิน 1 ตัว รองเท้าผ้าใบสีดำ 1 คู่ ไฟฉายแบบคาดศีรษะสีดำ 1 อัน โทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโมบายสีขาว 1 เครื่อง รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นดรีม สีแดง ทะเบียน 1 กช 1772 พิษณุโลก 1 คัน และกระเป๋าหนังเทียมลายตารางสีม่วง 1 ใบ บัตรประจำตัวประชาชนของนางเกษร ชาปาน 1 ใบ พวงกุญแจ 1 พวง ใบสัญญาซื้อขาย 1 ใบ บัตรชำระค่างวดรถ 1 ใบ ยางกันกระแทกของโทรศัพท์มือถือสีเขียว 1 ชิ้น และบัตรเดบิตการ์ดธนาคารกรุงเทพฯ 1 ใบ นำส่ง ร.ต.อ.กล้าณรงค์ จันทร์มณี รอง สว. (สอบสวน) สภ.วังทอง เพื่อให้ดำเนินคดี
โดย พ.ต.ท.สุรเดช ผกก.สภ.วังทอง เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเวลา 00.10 น. ของวันที่ 10 มิ.ย. ที่ผ่านมา รับแจ้งมีผู้พบศพผู้เสียชีวิตในลักษณะนอนคว่ำหน้าอยู่ในคูน้ำริมถนนสายเลี่ยงเมือง สี่แยกอินโดจีน – บึงพระ หมู่ 6 ต.วังพิกุล อ.วังทอง ไปตรวจสอบทราบชื่อผู้เสียชีวิต คือ นางเกษร ชาปาน อายุ 31 ปี บ้านเลขที่ 34 หมู่ 9 ต.นาหนองทุ่ม อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น และใกล้กับศพพบรถจักรยานยนต์ ทะเบียน ขทธ 466 ขอนแก่น ล้มอยู่ข้าง ๆ โดยมีนายสมควร ชาปาน อายุ 34 ปี สามีของผู้เสียชีวิต เดินทางมาดูศพและยืนยันว่าภรรยาไม่น่าจะเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ แต่น่าจะถูกคนร้ายถีบรถจักรยานยนต์ประสงค์แต่ทรัพย์ โดยก่อนเกิดเหตุได้โทรศัพท์ให้แฟนสาวที่เพิ่งเดินทางมาจาก จ.ขอนแก่น และพักอาศัยอยู่ที่ห้องเช่าแห่งหนึ่งพื้นที่ ต.ท่าโพธิ์ อ.เมืองพิษณุโลก เดินทางมารับตนหลังจากเลิกงาน แต่รอคอยเป็นเวลานานจนเห็นผิดสังเกต โทรศัพท์ติดต่อก็ไม่รับสาย จึงให้พรรคพวกช่วยออกติดตามหาจนกระทั่งไปพบศพเสียชีวิตอยู่ในป่าไมยราบ สภาพคว่ำหน้าจมน้ำเสียชีวิตอยู่
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบที่เกิดเหตุพบมีร่องรอยการต่อสู้ในพงหญ้าริมน้ำข้างทาง บริเวณที่พบศพผู้เสียชีวิตจมอยู่ในน้ำ และพบโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ตำรวจชุดสืบสวนตรวจสอบโทรศัพท์มือถือพบว่าเป็นของนายวิโรจน์ เกิดช้าง ผู้ต้องหา จึงร่วมกับตำรวจชุดสืบสวน สภ.นครไทย ไปติดตามตัวนายวิโรจน์ที่บ้านพักจนสามารถจับกุมตัวได้ในที่สุด สอบถามเบื้องต้น นายวิโรจน์ เกิดช้าง ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพ จึงจับกุมตัวพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนดังกล่าว
จากการสอบสวน นายวิโรจน์ รับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุตนเห็นนางเกษรขับขี่รถจักรยานยนต์มาเพียงลำพังโดยคล้องกระเป๋าสะพายมาด้วย และจอดติดสัญญาณไฟแดงใกล้กันบริเวณสี่แยกวัดสกัดน้ำมัน ต.ท่าโพธิ์ จึงขับรถตามประกบมาเรื่อยๆ แล้วใช้เท้าถีบรถนางเกษรจนล้มลง ก่อนที่จะลงจากรถเข้าไปกระชากกระเป๋าสะพาย แต่นางเกษรคิดต่อสู้จึงลากลงไปจับหัวกดในน้ำจนแน่นิ่ง ก่อนหยิบกระเป๋ามาแล้วขับขี่รถหลบหนีกลับบ้านพักที่ อ.นครไทย แต่ทำโทรศัพท์ของตัวเองหล่นไว้ในที่เกิดเหตุ จนกระทั่งถูกตำรวจติดตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว
ต่อมา เวลา 13.00 น. วันเดียวกัน พ.ต.ท.สุรเดช พจนาวงษ์พานิช ผกก.สภ.วังทอง พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ ได้ควบคุมตัวนายวิโรจน์ เกิดช้าง ผู้ต้องหา ออกมาจากห้องคุมขังเพื่อนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังจุดเกิดเหตุ แต่ขณะที่กำลังพาผู้ต้องหาเดินไปขึ้นรถยนต์นั้น มีเพื่อนและญาติของผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่งเดินทางมาดูโฉมหน้าคนร้ายด้วยอารมณ์ที่ยังโกรธแค้นอยู่ และอาศัยจังหวะตอนเจ้าหน้าที่ตำรวจเผลอเดินปรี่เข้าไปชกใบหน้าของผู้ต้องหา จำนวน 1 ครั้ง จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องว่ากล่าวตักเตือน และรีบนำตัวไปทำแผนยังจุดเกิดเหตุทันที เมื่อถึงจุดเกิดเหตุพบว่ามีชาวบ้านและญาติของผู้เสียชีวิตที่ทราบข่าวได้ติดตามมารอดูการทำแผนอยู่อีกเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องขอร้องให้ควบคุมอารมณ์และใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายกันให้ออกห่าง ก่อนนำตัวนายวิโรจน์ เกิดช้าง ผู้ต้องหา ที่อยู่ในสภาพใบหน้าเรียบเฉยไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด ทำแผนประกอบคำรับสารภาพจนแล้วเสร็จโดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที ท่ามกลางบรรดาไทยมุงจนเกิดหวิดรุมประชาทัณฑ์อีกครั้ง สุดท้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวไปตรวจร่างกายเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลวังทอง ก่อนนำตัวไปฝากขังที่ สภ.วังทอง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
\ \……………………………………………………………………………………………….