เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 พฤษภาคม 2559 ที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค 6 อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก นายสมชาย สีหะอำไพ อายุ 87 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14/1 ม.3 ต.ตลุกเทียม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก พร้อมญาติกว่า 20 คน เดินทางมายื่นหนังสือเพื่อร้องขอความเป็นธรรม หลังบุตรชาย คือนายศรศักดิ์ สีหะอำไพ อายุ 45 ปี ถูกรุมทำร้ายร่างกายอาการสาหัสภายในงานบวชในหมู่บ้าน โดยคนร้ายนำร่างที่โชกเลือดไปโยนทิ้งไว้หน้าบ้าน เมื่อคืนวันที่ 11 เมษายน 2559 และเสียชีวิตลงในวันที่ 12 เมษายน 2559 ที่ผ่านมา โดยมีบาดแผลฉกรรจ์ที่คาง ลำคอ หลอดลมขาด ศรีษะแตก แพทย์จากโรงพยาบาลพุทธชินราชลงความเห็นว่าเสียชีวิตจากอาการเลือดออกในสมอง จนผ่านมากว่า 1 เดือน คดีความก็เงียบไม่มีการเรียกตัวผู้ต้องสงสัย หรือไม่มีการสอบสวนพยานหรือผู้เห็นเหตุการณ์แต่อย่างใด จึงหวั่นว่าคนร้ายที่รุมทำร้ายร่างกายอาจเป็นคนมีสี หรือเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ กลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม
นายสมชาย สีหะอำไพ พ่อของผู้เสียชีวิต ได้เปิดเผยว่า ตนมีลูกทั้งหมด 12 คน คนตายเป็นลูกคนรองคนสุดท้อง เป็นคนขยันทำงาน ไม่เคยมีครอบครัวมาก่อน ไม่เคยมีปัญหากับใคร ในวันเกิดเหตุคือวันที่ 11 เมษายน 2559 ในหมู่บ้านมีงานบวชพระ 3 แห่ง ครอบครัวก็แยกกันไปแต่ละงาน ผู้ตายอยู่งานบวชที่ห่างจากบ้านไปประมาณ 500 เมตร จนกระทั่งช่วงเวลา 23.00 น.ได้ยินเสียงสุนัขเห่าหน้าบ้าน ก็เห็นคนนอนอยู่ ตนพร้อมพี่คนตายก็ออกมาดูก็พบร่าง ของนายศรศักดิ์ฯ ลูกชาย นอนหมดสติ มีบาดแผลฉกรรจ์ตามลำตัวหลายแห่ง เลือดนองพื้น จึงรีบพาพาส่ง รพ.พรหมพิราม แต่เนื่องจากลูกชายหมดสติ แพทย์จึงส่งตัวไปที่ รพ.พุทธชินราช และลูกชายได้เสียชีวิตลงด้วยอาการเลือดออกในสมอง ในวันที่ 12 เมษายน 2559 หลังจากนั้นเรื่องก็เงียบหาย ตำรวจในพื้นที่ไม่มีการเรียกสอบปากคำใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งๆที่ เหตุเกิดที่งานบวช คนทั้งเกิดถูกรุมทำร้ายร่างกาย แถมนำร่างมาโยนทิ้งหน้าบ้านเหมือนหมู เหมือนหมา จะไม่มีคนเห็นเหตุการณ์ได้ยังไง นอกเสียจากว่ากลุ่มคนร้ายที่ลงมือเป็นคนมีสี หรือเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่
นายสมชายฯ เล่าต่อว่า ที่มาวันนี้ อยากจะมาร้องขอความเป็นธรรมให้ลูกชาย อยากให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 สั่งการให้ตำรวจในพื้นที่เร่งไล่ล่าหาตัวคนร้ายมารับผิด มาขอขมาวิญญาณลูกชายของตน ตนอยากจะถามนักว่า ลูกตนไปทำเลวร้ายอะไรขนาดนั้น ถึงต้องฆ่าต้องแกงกันยังกับผักกับปลา ยังกับเขาไม่มีชีวิต ทั้งๆที่ คนในหมู่บ้านก็รู้จักลูกของตนดี ว่าไม่ใช่คนเกเร หรือลักเล็กขโมยน้อย ไม่เคยมีเรื่องมีราวกับใคร ก็อยากจะขอความเป็นธรรมให้กับครอบครัวตนเองด้วย
ต่อมาในเวลา 10.30 น. พ.ต.ต. สุทธเกียรติ มาจาก สว.ฝอ.7 บก.อก.ภ.6 ได้เดินทางมารับเรื่องดังกล่าวเพื่อนำเรียนให้กับผู้บังคับบัญชาทราบ เพื่อเร่งรัดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เร่งสืบสวนสอบสวนหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดี และให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตต่อไป สร้างความพอใจกลุ่มชาวบ้านที่มาร้องเรียนในครั้งนี้ จึงเดินทางกลับภูมิลำเนาไปในเวลา 12.00 น.