วันที่ 25 พ.ค.2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ออกมาเน้นย้ำให้สถานศึกษาในสังกัด ที่มีอาคารสูง และต้องมีทั้งครูผู้ควบคุม ต้องมีการตรวจสอบสภาพอาคารสถานที่ สภาพสายไฟ อายุการใช้งาน เส้นทางอพยพหรือหนีไฟในตัวอาคารที่ไม่ควรมีทางเดียว ตลอดจนผังการสร้างภายในอาคารที่ควรมีช่องทางระบายอากาศ เพื่อป้องกันการเกิดไฟไหม้ ได้ ทำให้สถานศึกษาหลายแห่งในจังหวัดพิษณุโลก ได้ออกมาเข้มงวดจริงจังมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะที่โรงเรียนจ่านกร้อง อ.เมืองพิษณุโลก สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 39 ได้เข้มงวดกับมาตรการป้องกันการเกิดอัคคีภัย โดยอาคารสูงที่โรงเรียนจ่านกร้อง มีอาคารสูง 7 ชั้น โดยตึกดังกล่าว มีการตรวจสอบสายไฟ สะพานไฟ ปลั้กไฟ ภายในอาคารเป็นประจำทุกปี และมีถังดับเพลิงทุกชั้น และบันไดหนี
นายจักรพงษ์ วีระมาชา รองผู้อำนวยการโรงเรียนจ่านกร้อง กล่าวว่า เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมาทางโรงเรียนจ่านกร้อง เคยมีใช้ไฟมาก จนเกิดกระแสไฟซ็อต แต่ก็สามารถควบคุมได้ และได้ให้วิศวกรไฟฟ้า มาดูแลและเปลี่ยนสายไฟทุกอาคารชั้นเรียน พร้อมทั้งหางบประมาณในการซ้อมแผนรับมืออัคคีภัย ภายในโรงเรียน แต่ซ้อมครั้งสุดท้ายเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา โดยไม่สามารถซ้อมได้ทุกปี เนื่องจากขาดแคลนงบประมาณ แต่ก็ยังดูความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในแต่ละปีที่ผ่านมา ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก จะจัดงบประมาณในการซ้อมแผนอัคคีภัย ให้กับนักเรียน ตามโรงเรียนต่างๆ เพื่อให้นักเรียนพร้อมรับมือสถานการณ์หากเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริง โดยนายมนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก ได้จัดแผนในการอบรมและซ้อมแผนดับอัคคีภัยให้กับนักเรียนจำนวน 13 แห่ง ส่วนใหญ่เป็นโรงเรียนระดับมัธยม เพื่อให้นักเรียนพร้อมรับมือและรู้หลักการเบื้องต้นของการเกิดไฟไหม้ในสถานศึกษา หากสถานศึกษาใด ต้องการให้ทางเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก เข้าไปช่วยอบรมการป้องกันอัคคีภัยในสถานศึกษา ก็สามารถแจ้งความจำนงได้ เพราะโรงเรียนบางแห่งก็ขาดแคลนงบประมาณดังกล่าว
//////////////