บ่ายวันที่ 13 พ.ค.2559 ที่ภายในวิหารหลวงพ่อพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก พระธรรมเสนานุวัตร รองเจ้าคณะภาค 5 เจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายฐานุพงศ์ เจริญสุรภิรมย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานฝ่ายฆราวาส นำหัวหน้าส่วนราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจ และประชาชนชาวจังหวัดพิษณุโลก ร่วมกันประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลบูชาองค์หลวงพ่อพระพุทธชินราช ในโอกาสครบรอบ 659 ปี และอุทิศถวายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช โดยในพิธีรองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ จำนวน 10 รูป เจริญพระพุทธมนต์ ผู้เข้าร่วมในพิธีถวายจตุปัจจัยไทยธรรม กรวดน้ำรับพร จากนั้นพระธรรมเสนานุวัตร รองเจ้าคณะภาค 5 เจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหารเป็นประธานมอบวุฒิบัตรให้กับพระนวกะ ที่อุปสมบทหมู่อุทิศถวายสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและสมเด็จบูรพมหากษัตราธิราชเจ้า พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา เป็นอันเสร็จพิธี
สำหรับพระพุทธชินราช เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธ์คู่บ้านคู่เมืองพิษณุโลก สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยพระมหาธรรมราชาลิไท จัดเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามที่สุดในประเทศไทยมีการสันนิษฐานว่าน่าจะสร้างพร้อมกับพระพุทธชินสีห์และพระศรีศาสดา ในรัชสมัย พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไท) เป็นพระพุทธรูปศิลปะสมัยสุโขทัย การสร้างครั้งแรกขึ้น 15 ค่ำเดือน 4 ปีพ.ศ. 1898 หล่อพระทั้งสามองค์แต่มีพระพุทธชินราชที่หล่อไม่สำเร็จ ครั้งที่ประสพความสำเร็จ เป็นวัน ขึ้น8ค่ำเดือน6 ปีมะเส็งปีพ.ศ.1900 ปางมารวิชัย ด้านซ้ายและขวาขององค์พระมียักษ์ 2 ตน คอยปกปักรักษาองค์พระอยู่ อีกทั้งยังมีพระโมคคัลลานะและพระสารีบุตรเป็นอัครสาวกอยู่ด้วย พระพุทธชินราชประดิษฐานในวิหารลักษณะเก้าห้อง ซึ่งมีการบูรณปฏิสังขรณ์มาอย่างต่อเนื่องจนมาถึงปัจจุบัน ทำให้องค์พระสวยงามบริบูรณ์อย่างในปัจจุบัน
ส่วนสมเด็จพระนเรศวรมหาราชหรือที่ชาวบ้านทั่วไปในครั้งนั้นเรียกว่า พระองค์ดำ เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระมหาธรรมราชาและพระวิสุทธิกษัตริย์ พระราชธิดาของสมเด็จพระศรีสุริโยทัยและสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ พระราชสมภพเมื่อ พ.ศ. 2098 ที่พระราชวังจันทน์ เมืองพิษณุโลก ซึ่งการจัดพิธีอุทิศถวายในครั้งนี้เพื่อน้อมรำลึกถึงพระเกียรติคุณและพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่มีต่อแผ่นดินไทยและชนชาติไทยโดยได้ทรงประกาศอิสรภาพและกอบกู้เอกราชของชาติไทยมาตราบจนทุกวันนี้