จากปัญหาภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก ส่งผลกระทบต่อกลุ่มเกษตรกรที่ทำนาปลูกข้าว หรือ พืชผักทางการเกษตรที่ใช้น้ำจำนวนมาก แต่กลุ่มชาวสวนมะม่วง อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก ไม่ได้รับผลกระทบพร้อมเร่งเก็บเกี่ยวผลผลิต มะม่วงนอกฤดูกาลเพื่อจำหน่าย หลังจากมีความต้องการจากหลายประเทศสั่งซื้อมาไม่อั้น
จังหวัดพิษณุโลก เป็นแหล่งผลิตมะม่วงเพื่อการส่งออก ที่ใหญ่ที่สุดของภาคเหนือ สร้างรายได้เข้าสู่ประเทศปีละไม่ต่ำกว่า 2,000-3,000 ล้านบาท โดยมีแหล่งปลูกมะม่วงที่สำคัญของจังหวัดพิษณุโลกกระจายอยู่ในพื้นที่อำเภอวังทอง เนินมะปราง และวัดโบสถ์ มีเนื้อที่ปลูกมะม่วงไม่ต่ำกว่า 70,000 ไร่ สามารถผลิตมะม่วงได้มากกว่าปีละ 50,000 ตัน ส่วนใหญ่เป็นมะม่วงกินสุกที่นิยมในตลาดส่งออก เช่น น้ำดอกไม้สีทอง น้ำดอกไม้ เบอร์ 4 โชคอนันต์ รวมทั้งมะม่วงกินดิบ เช่น เขียวเสวย ฟ้าลั่น เพชรบ้านลาด เป็นต้น
น.ส.อัญชลี โหนนา อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 103 บ้านท่าขอนเบน ต.หินลาด อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก หนึ่งในเกษตรกรที่ปลูกมะม่วงเพื่อส่งออก ได้เผยว่า “แต่ก่อนพื้นที่ อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก เกษตกรส่วนใหญ่ปลูกข้าง มันสำปะหลัง อ้อย แต่มีปัญหาเรื่องน้ำ ได้หันมาปลูก มะม่วงพันธุ์น้ำดอกไม้ ฟ้าลั่น เขียวเสวย ซึ่งได้ผลผลิตที่ดีเกินคาด มีกลุ่มผู้ซื้อเข้ามากว้านซื้อเพื่อส่งออกแบบเรียกว่า ยกสวน ก่อนหน้านี้ตลอดส่งออกใหญ่คือ ลาว เวียดนาม แต่ในปีนี้มีประเทศจีนและรัสเซีย ได้มาสั่งซื้อ ทำให้ยอดส่งออกดีมาก การทำมะม่วงนอกฤดู อาจจะยังทำให้ถึงเป้าหมายตลาดที่ต้องการได้ ราคาส่งออกขณะนี้ เฉพาะมะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง อยู่ที่ กก.ละ80 -100 บาท”
ส่วนปัญหาที่กลุ่มเกษตรชาวสวนมะม่วงที่พบในช่วงฤดูแล้งขณะนี้ คือ การระบาดของ เพลี้ยไฟ เพลี้ยแป้ง ทำให้ผิวมะม่วงไม่สวย เนื้อผลด้านในเน่าเสีย แต่ก็ยังมีมากจนถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ นอกจากนี้ฤดูแล้งที่ยาวนาน ยังทำให้ช่อมะม่วงในฤดูกาล ที่กำลังเริ่มแทงช่ออ่อน มีช่อที่แห้งติดลูกได้น้อยลง จึงต้องเพิ่มการให้น้ำและการดูแล บำรุงรักษาต้นมะม่วงใกล้ชิดมากขึ้น
สำหรับการสั่งซื้อมะม่วงพันธ์ต่าง ๆ ของ อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก ในขณะนี้ยังคงมีกลุ่มผู้รับซื้อ เข้ามาคัดเลือกมะม่วงด้วยตัวเองเป็นจำนวนมาก เนื่องจากตลาดส่งออกมีความต้องการสูงมาก โดยเฉพาะจาก ประเทศจีน ที่นอกจากนำไปบริโภคแล้ว ยังนำมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองไปสกัดเป็นเครื่องสำอางอีกด้วย.
——————————————