หลังจากที่มีการส่งเสริมให้ข้าราชการและประชาชนในจ.พิษณุโลก ร่วมกันแต่งกายด้วยผ้าไทยอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 วัน ส่งผลทำให้ความต้องการผ้าไทยเพิ่มมากขึ้นหลายเท่าตัว โดยเฉพาะกลุ่มแม่บ้านบ้านนาเมือง หมู่ที่ 8 ต.ป่าแดง อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก ที่ผลิตผ้าทอลาย ดอกปีบ ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำจังหวัดพิษณุโลก ต้องเร่งมือการผลิตแต่ก็ยังไม่ทันต่อความต้องการ 
กลุ่มหัตถกรรมทอผ้าบ้านนาเมือง หมู่ที่ 8 ต.ป่าแดง อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก เป็นหมู่บ้านขนาดเล็ก ประชากรส่วนใหญ่มีอาชีพ ทำไร่ ทำนา เป็นหลัก แต่ในช่วงฤดูแล้งมักประสบปัญหาขาดแคลนแหล่งน้ำ ทำให้กลุ่มสตรีได้หาอาชีพเสริมที่ถนัด คือ การรวมกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองขึ้น โดยการทอผ้าเป็นภูมิปัญญาของคนบ้านนาเมือง ที่ได้รับการถ่ายอดจากรุ่นสู่รุ่น จนมาถึงรุ่นในปัจจุบัน เนื่องจากในสมัยก่อนไม่สามารถหาซื้อเสื้อผ้าได้เหมือนในปัจจุบัน จึงนิยมทอผ้าเพื่อเอาไว้ใช้กันเอง ประกอบกับในหมู่บ้าน ชาวบ้านส่วนใหญ่ปลูกฝ้ายไว้เพื่อทอผ้านุ่ง ผ้าขาวม้าและทอเพื่อตัดเสื้อสวมใส่ กระทั่งทุกวันนี้คนในหมู่บ้านได้แนวคิดในการทอผ้า เพื่อสร้างรายได้เป็นอาชีพเสริม ลักษณะการทอผ้ามีหลายรูปแบบทั้ง การทำผ้าทอมัดหมี่ ผ้าขิต ผ้าตีนจก ผ้าขาวม้า 
นางสิงห์ จันทะคุณ ประธานกรรมการกลุ่มทอผ้า ได้กล่าวว่า “ได้รวมกลุ่มแม่บ้านเมื่อปี 2535 จำนวน 31 คน เก็บเงินคนละ 100 บาท เป็นทุนในการดำเนินการ จนกระทั่งในปัจจุบันมีสมาชิกเข้ามาเพิ่มขึ้นเป็น 76 คน มีทุนที่เก็บไว้เพื่อใช้ในการดำเนินการกว่า 7 แสนกว่าบาท ทั้งนี้ที่ผ่านมา ได้รับการสนับสนุนจากทางภาครัฐและเอกชน เข้ามาสนับสนุนด้านงบประมาณ การฝึกอบรมและศึกษาดูงานของกลุ่มทอผ้า การพัฒนารูปแบบและฝีมือการทอผ้า การจัดการด้านบรรจุภัณฑ์และการตลาด” สำหรับ กลุ่มหัตถกรรมทอผ้าบ้านนาเมือง ในปัจจุบัน ถือว่าเป็นกลุ่มที่มีสมาชิกที่มีความชำนาญในการทอผ้ามากขึ้น มีการพัฒนารูปแบบการทอที่ทันสมัย โดยได้คิดค้นการทำผ้าทอมัดหมี่สีม่วงลายดอกปีบ เนื่องจากสีม่วงเป็นสีประจำจังหวัดพิษณุโลก ส่วนดอกปีบนั้นก็เป็นดอกไม้ประจำจังหวัด ทำให้ทางจังหวัดพิษณุโลกได้เลือกให้ผ้าสีม่วงลายดอกปีบเป็นผ้าประจำจังหวัดพิษณุโลกอีกด้วย
ประธานกรรมการกลุ่มทอผ้า ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในขณะนี้ทางภาครัฐและเอกชน กำลังมีการรณรงค์ให้ข้าราชการและประชาชนทั่วไป หันมาแต่งกายด้วยผ้าไทยอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 วัน ทำให้กระแสความต้องการผ้าสีม่วงลายดอกปีบ เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ทำให้ขณะนี้กลุ่มทอผ้าต้องเร่งมือทำงานกันทุกวัน แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ เนื่องจากในแต่ละวัน สามารถทอผ้าได้ไม่เกินคนละ 2 เมตรต่อวันเท่านั้น เนื่องจากเป็นงานที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อน ประณีตในการทำทุกขั้นตอน” 
ทั้งนี้กระบวนการทำผ้าทอนั้น มีขั้นตอนตั้งแต่การเตรียมไหมใส่หลอดแล้วนำไปเรียงเป็นแถวแถวด้วยอุปกรณ์ ร้อยฟันหวีหรือสอดเส้นด้ายเข้าไปในฟีมฟันหวี ม้วนใส่มูเลย์ปรับสภาพความยาว ถักตระกร้อร้อยเส้นด้ายผ่านให้เกิดการสลับของเส้นด้าย แล้วนำไหมไปทอโดยใช้กี่กระตุกหรือกี่มือก็ได้ โดยการทอผ้า 1 ชิ้นงานจะมีความยาว 4 เมตร ประกอบด้วยผ้ามัดหมี่ 2 เมตร และผ้าพื้นอีก 2 เมตร ก่อนนำไปบรรจุใส่บรรจุภัณฑ์จำหน่าย ให้ผู้ที่ต้องการนำไปตัดเย็บเป็นเสื้อผ้าต่อไป 
นางไพลิน เชื้อตาโคตร กลุ่มแม่บ้านที่มาร่วมในการทอผ้าพื้นเมือง ได้กล่าวว่า “อาชีพเดิมทำไร่ทำนา พอว่างเว้นก็มาทอผ้าเป็นอาชีพเสริมหารายได้ช่วยเหลือครอบครัว ลดต้นทุนเพิ่มรายได้ในปัจจุบัน รายได้ดีขึ้นมากเนื่องจากความต้องการของสินค้าเพิ่มมากขึ้น แทบเรียกว่าการทอผ้า กลายเป็นอาชีพหลักไปแล้ว ทั้งยังได้อยู่ใกล้กับครอบครัว ทำให้ครอบครัวอบอุ่น ชุมชนเข้มแข็ง เป็นอีกแนวทางหนึ่งภายใต้แนวคิด เศรษฐกิจพอเพียงของพ่อหลวงด้วยค่ะ”
ในขณะนี้ทางกลุ่มทอผ้าบ้านนาเมือง กำลังเร่งทอผ้าสีม่วงลายดอกปีบ ที่มียอดสั่งเข้ามาตั้งแต่ต้นปี 2559 เพิ่มขึ้นจากยอดจำหน่ายของปีที่ผ่านมามากกว่า 3-4 เท่าตัว และ คาดว่าจะยังคงได้รับความนิยมไปตลอดทั้งปี สามารถสร้างรายได้ให้กับสมาชิกกลุ่มทอผ้า ในแต่ละเดือนรายละ 6,000-8,000 บาท เลยทีเดียว.
