เมื่อเวลา 16.00 น.8 ก.พ.2559 ร.ต.อ.สมเกียรติ บุญมีจิว ร้อยเวรสถานีตำรวจภูธรเมืองพิษณุโลก ได้รับแจ้งเกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน บริเวณซอยกลางคลอง ต.หัวรอ อ.เมือง จ.พิษณุโลก จึงประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิประสาทบุญสถาน พร้อมด้วยรถน้ำจาก อบต.หัวรอ และ อบต.ปากโทก ซึ่งอยู่ใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ เพื่อเข้าไปควบคุมเพลิงอย่างเร่งด่วนเนื่องจากรับแจ้งเบื้องต้นอยู่ในระหว่างเพลิงกำลังโหมกระหน่ำ และอยู่ในเขตชุมชนแออัด หวั่นลุกลามติดบ้านใกล้เคียง
ในที่เกิดเหตุรถน้ำระดมฉีดสกัดเพลิงบ้านไม้ 2 ชั้น เลขที่ 62/12 ม.12 ต.หัวรอ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นบ้านของนางรำพึง จันทร์สำเรือน อาศัยอยู่เพียงลำพังกับบุตรชาย ซึ่งขณะที่เกิดเหตุทั้ง 2 คนไม่ได้อยู่ในบ้านพัก โดยเพลิงได้โหมกระหน่ำอย่างรวดเร็วเนื่องจากเป็นบ้านไม้ เจ้าหน้าที่ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมงจึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ โดยบ้านหลังดังกล่าวได้รับความเสียหายทั้งหมด
จากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าให้ฟังว่าขณะที่กำลังจะออกไปธุระนอกบ้านสังเกตเห็นบ้านหลังดังกล่าวมีกลุ่มควันขึ้น และเพียงไม่นานก็เห็นเปลวไฟ จากนั้นก็เห็นลูกชายของนางรำพึง เจ้าของบ้านขับรถจักรยานยนต์สวนออกไป ตนเห็นท่าไม่ดีจึงรีบวิ่งไปตามเพื่อนบ้านให้มาช่วยกันดับไฟเพราะคาดว่าอาจจะเป็นการเผาบ้านตัวเอง เนื่องจากเมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ก่อน ก็เกิดเหตุการณ์บุตรชายนางรำพึงฯ เผาบ้านตัวเองมาแล้ว 1 ครั้ง แต่โชคดีที่ครั้งนั้นเพื่อนบ้านช่วยกันดับไว้ได้ทัน แต่ครั้งนี้ไฟไหม้ด้านบนของตัวบ้านซึ่งเป็นไม้เก่า ทำให้ไฟลุกลามอย่างรวดเร็วจนเสียหายทั้งหลัง
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า บุตรชายของนางรำพึงฯ มีคดีเกี่ยวกับเสพยาเสพติด เพิ่งถูกจับไปไม่นานซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการส่งตัวไปบำบัด แต่ก็หายไปไม่ยอมเข้ารับการบำบัด คาดว่าอาจจะเป็นไปได้ที่บุตรนางรำพึงฯ อาจจะกลับไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก จนทำให้เกิดอาการคลุ้มคลั่งเผาบ้านตนเอง เพราะมีผู้พบเห็นว่าหลังจากที่เกิดเหตุไฟไหม้พบเห็นบุตรชายของนางรำพึงฯ ขับรถจักรยานยนต์ออกไปจากบ้านอย่างรวดเร็วอย่างไรก็ตามต้องรอผลการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งจากตำรวจพิสูจน์หลักฐานว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร หรือเกิดจากการวางเพลิง