วันที่ 13 มกราคม 2559 นายชูชาติ กีฬาแปง ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกเป็นประธานเปิดกิจกรรมป้องกันรักษาป่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ตามโครงการ สร้างเครือข่ายผู้อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่โรงแรมวังแก้ว อ.เมือง พิษณุโลกโดยมีอาสาสมัครชุมชนจาก 5 อำเภอ คือ ตำบลนาบัว อำเภอนครไทย ตำบลสวนเมี่ยง อำเภอชาติตระการ ตำบลหินลาด อำเภอวัดโบสถ์ ตำบลดงประคำ อำเภอพรหมพิราม และตำบลชมพู อำเภอเนินมะปราง เพื่อช่วยกันเป็นหูเป็นตาแก่เจ้าหน้าที่รัฐ ดูแลเฝ้าระวังการบุกรุกจุดไฟเผาป่า และซื้อขายที่ดินของรัฐที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ต่อมาผู้ว่าฯ และหน่วยทหารในพื้นที่รับผิดชอบอำเภอวังทอง และหัวหน้าหน่วยส่งเสริมการควบคุมไฟป่า ซึ่งรับผิดชอบ 13 ป่าสงวนแห่งชาติในพิษณุโลก เดินทางไปดูสถานการณ์ พื้นที่เสี่ยงเกิดไฟป่าที่ น้ำตกแก่งซอง ต.แก่งโสภา อ.วังทอง บริเวณริมทางหลวงหมายเลข 12 กม.ที่ 45
นายชูชาติ กีฬาแปง ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า ห้วงเข้าสู่ฤดูแล้ง ภาคเหนือมักประสบปัญหาหมอกควันจากไฟป่า จ.พิษณุโลกเอง ก็ได้เตรียมแผนงาน คือ ออกประกาศขอความร่วมมือ ลดการเผา ป้องกันปัญหาไฟป่า เพราะไปสร้างมลพิษ กระทบต่อสภาพอากาศและทางเดินหายใจของร่างกาย จึงดำเนินการตามแผนกระทรวงทรัพย์ฯที่กำหนดให้ 100 วันคุมเข้มเหมือนกับภาคเหนือ โดยกำหนดตั้งแต่วันที่ 21 มกราคมเป็นต้นไป จะต้องไม่มีการเผา จึงได้ฝากบอกไปยังอาสาสมัคร กำนันผู้ใหญ่บ้านช่วยกันดูแล ห้ามเผาป่า หากจำเป็นต้องเผา จะต้องบอกกล่าวแก่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ล่วงหน้า และต้องขออนุญาตก่อน เพราะหากมีความเสียหาย จะมีความผิดทางอาญา
นายบรรจง ศรีใจวงศ์ หัวหน้าหน่วยส่งเสริมการควบคุมไฟป่า รับผิดชอบ 13 ป่าสงวนแห่งชาติในพิษณุโลก เปิดเผยว่า สถานการณ์ไฟป่า ตั้งแต่ ปี 59 เกิดไฟไหม้ จำนวน 3 ครั้งใน อ.วังทอง แต่ไม่รุนแรง สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการล่าสัตว์ คือ ครั้งแรก ไฟไหม้ที่สุสานเขาฟ้า สาเหตุเกิดจากคนเผา เพื่อล่าสัตว์ ต้องการหาไก่ป่า จุดที่ 2 คือ วัดซำเตย ในเขตติดต่อใกล้ๆกัน ก็คือ เผาเพื่อล่าสัตว์เช่นกัน และไฟป่าที่ ต.ท่าหมื่นจำนวน 2 วันก็เป็นการล่าสัตว์เช่นกัน พื้นที่เสียหายรวมทั้งหมด 400 ไร่ ทั้งนี้ นโยบายจากผู้ว่าฯและฝ่ายทหาร ระบุว่า นับจากวันที่ 21 มกราคม จะไม่มีการเผาเกิดขึ้น หากจำเป็นต้องเผา ต้องขออนุญาตและแจ้งล่วงหน้า จะให้อนุญาตให้เผาแค่ช่วง 4 ทุ่มถึงเที่ยงคืนเท่านั้น เหมือนกับ 9 จังหวัดภาคเหนือ