ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสภาพอากาศที่แล้งจัด ส่งผลให้ช่วงนี้ในหลายพื้นที่ต้องงดทำนาเนื่องจากขาดแคลนน้ำ จึงได้รวมกลุ่มกันหันมาปลูกพืชทนแล้งเพื่อหารายได้เข้าครอบครัว โดยชาวบ้านที่บ้านหนองหลวง หมู่ 5 ต.หนองกุลา อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ได้ตั้งกลุ่มร่วมกับวัดหนองหลวง ทำโครงการปลูกแห้วนาตามอัตลักษณ์ นิคมสร้างตนเองบางระกำ เพื่อหารายได้ใช้จ่ายในครอบครัวในช่วงที่ว่างเว้นจากการทำนา
นางทิพย์ เรืองปาน อายุ 50 ปี 1 ในสมาชิกโครงการปลูกแห้วนา ได้เล่าว่าในกลุ่มมีสมาชิกประมาณ 30 คน มีผู้ใหญ่ทัดพงศ์ เรืองปาน ผู้ใหญ่บ้าน บ้านหนองหลวงเป็นที่ปรึกษากลุ่ม โดยเริ่มต้น สมาชิกก็ได้ออกหาแห้วนา ตามนาข้าว คันนา ที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ จากนั้นก็นำมาดำในนาข้าวของทางวัดตั้งแต่ช่วงเดือน กรกฏาคม 2558 ที่ผ่านมาใช้เวลาประมาณ 6 เดือน ก็สามารถเก็บเกี่ยวได้ ซึ่งการเก็บเกี่ยวก็จะให้สมาชิกในกลุ่ม มากระจายกันขุดหาแห้วนาตามดินที่ดำนาไว้ ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงที่สภาพอากาศร้อน เหมาะกับการเก็บเกี่ยว
นางทิพย์ฯ เล่าต่ออีกว่า โดยผลผลิตที่ขุดได้เฉลี่ยต่อวันต่อคนก็ประมาณ 2 กิโลกรัม ใครขยันหน่อยก็จะขุดได้เยอะหน่อย แห้วสดที่ขุดได้ก็จะส่งขายให้กับทางเกษตรอำเภอบางระกำ ในราคากิโลกรัมละ 200 บาท เพื่อนำไปเพาะเป็นกล้าและนำไปแจกจ่ายให้กับประชาชนในหมู่บ้านเพื่อขยายพื้นที่ปลูกต่อไป และนอกเหนือจากนั้น ก็จะนำไปแปรรูปเป็นแป้งแห้ว เพื่อนำไปทำเป็นขนมวุ้นรับประทานถือเป็นอาหารขึ้นชื่อของบ้านหนองกุลาทีเดียว
ส่วนวิธีปลูกก็ไม่ยากเพียงแค่นำกล้าไปปักดำในนาทั่วไป จากนั้นก็ทิ้งไว้ได้เลยไม่ต้องให้น้ำใดๆ เพียงแต่ต้องคอยดูแลเรื่องวัชพืช ต้องคอยดึงออกไม่เช่นนั้น วัชพืชเหล่านั้นก็จะไปแย่งอาหารแห้วทำให้แห้วเจริญเติบโตได้ไม่เต็มที่หัวแห้วก็มีขนาดเล็กเพราะถูกแย่งอาหาร ส่วนช่วงที่เหมาะกับการขุดแห้วก็จะเป็นช่วงที่มีสภาพอากาศร้อนจัด ดินแห้ง เช่นช่วงนี้เท่านั้น เพราะแห้วเป็นพืชที่ชอบสภาพอากาศแล้ง ใน 1 ปีก็จะสามารถทำนาแห้วได้เพียง 1 ครั้งคือช่วงปลายฤดูฝนต้นฤดูหนาวเท่านั้น ซึ่งนับได้ว่าเป็นพืชที่สามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัวในช่วงที่ไม่สามารถทำนาปลูกข้าวได้