เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 5 มกราคม 2559 ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองพิษณุโลก ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารตั้งจุดแสดงตัวเพื่อขอคืนรถที่ถูกยึดในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองตรวจยึดตามมาตรการเมาไม่ขับโดยจังหวัดพิษณุโลก ถูกยึด จำนวน 63คน เป็นรถยนต์ 25คัน จยย. 38 คัน โดยประชาชนได้นำเอกสารรถมาติดต่อขอรับกุญแจ ที่ สภ.เมืองพิษณุโลก ก่อนจะเดินทางไปรับรถคืนที่กองพลทหารราบที่4 กองทัพภาคที่ 3
โดยบรรยากาศทั่วไปเป็นด้วยความเรียบร้อย ประชาชนทยอยเดินทางมาอย่างต่อเนื่องเพื่อติดต่อขอรับรถคืน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะทำการตรวจสอบเอกสารที่แสดงความเป็นเจ้าของรถ เพื่อป้องกันความผิดพลาด สำหรับประชาชนที่มารับรถแทนเจ้าของรถก็ต้องมีหนังสือมอบอำนาจและหลักฐานที่แสดงอย่างชัดเจนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจะคืนรถให้ จากนั้นถ้าเอกสารเรียบร้อยก็จะได้รับกุญแจรถคืนและนำเอกสารไปรับรถที่จัดเก็บที่กองพลทหารราบที่ 4 กองทัพภาคที่ 3 อีกครั้ง โดยประชาชนที่มารับรถหลายคนต่างกล่าวว่ารู้สึกดีที่มีมาตรการเช่นนี้เพราะจะทำให้ไม่เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งในเทศกาลปีใหม่หรือสงกรานต์คาดว่าจะดื่มแล้วไม่ขับโดยเด็ดขาด
ทาง พันตำรวจเอกสรนัย คงเมือง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก รักษาการแทนผู้กำกับการ สภ.เมืองพิษณุโลก บอกว่า ในวันนี้ได้เตรียมพนักงานสอบสวน มาทำหน้าที่นี้โดยเฉพาะ มีการตั้งจุดขอรับคืนรถ โดยเจ้าของรถที่ถูกยึด จะต้องนำเอกสารที่แสดงทะเบียนรถไปแสดง ที่ สภ.เมืองพิษณุโลก ก่อนที่จะไปขอรับรถคืนได้ยังสถานที่เก็บรักษาไว้ ซึ่งในช่วงเช้าพบปัญหาเล็กน้อยคือ ผู้ที่มารับไม่ได้เป็นเจ้าของรถ จึงขอให้เตรียมหนังสือมอบอำนาจและเอกสารที่แสดงความเป็นเจ้าของรถที่เป็นหลักฐานมาแสดง นอกจากนี้หลักฐานที่ส่งมาทางไลน์หรือเครื่องมืออีเล็กทรอนิกส์ยังใช้ไม่ได้ เพราะประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายรองรับ โดยปัญหาส่วนใหญ่ในช่วงเช้า คือ ประชาชนมาขอรับรถแล้วเตรียมเอกสารมาไม่ครบ โดยเฉพาะรถยนต์ของบริษัทต่างๆ ต้องนำเอกสารมอบอำนาจมาด้วย เพราะถ้าหากมอบรถให้ผิดไปก็จะเกิดความเสียหายอื่นๆ ตามมา
ส่วนประชาชนที่มารับรถหลายคนต่างบอกว่ารู้สึกพอใจมาตรการดังกล่าว เพราะทำให้ลดอุบัติเหตุได้ แต่บางคนไม่สะดวกเนื่องจากต้องการใช้รถช่วงปีใหม่ ถ้าหากจะดื่มสังสรรค์กับเพื่อนฝูงหรือครอบครัว ปีหน้าขอดื่มอยู่ที่บ้านดีกว่า จะได้ไม่ต้องเสียเวลามารอรับรถที่ถูกยึดเป็นเวลานาน มิหนำซ้ำยังต้องถูกปรับติดคุกส่งฟ้องศาลเป็นคดีความ และเสียประวัติอีกด้วย.