เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 58 ที่หอประชุม หิรัญญิการ์ 1 อาคารวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล อ.เมืองพิษณุโลก พล.ต.อ.วินัย ทองสอง รอง ผบ.ตร. เป็นประธานเปิดโครงการศูนย์ข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (Police Data Center) ของตำรวจภูธรภาค 6 โดยมีนายตำรวจระดับ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 และนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ให้การต้อนรับสำหรับโครงการ Police Data Center เป็นโครงการอบรม เจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีหน้าที่รับผิดงานป้องกันและปราบปรามและงานสืบสวน ระดับ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัด ผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ หัวหน้างานสืบสวนสถานีตำรวจ และเจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูลระดับสถานีตำรวจ จำนวน 319 นายทั้งนี้เพื่อเพิ่มความเข้าใจในการบันทึกข้อมูลโปรแกรม การรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ ตลอดทั้งมีการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงาน สามารถนำข้อมูลมาใช้ประกอบการพิจารณาวางแผนเชิงรุกในการป้องกันปราบปรามและสืบสวน ในการขับเคลื่อนและติดตามการปฏิบัติในการป้องกันปราบปรามและลดระดับอาชญากรรมอย่างมีประสิทธิภาพพล.ต.อ.วินัย ทองสอง รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ในวันนี้ได้ทำการฝึกอบรมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจของตำรวจภูธรภาค 6 นำข้อมูลคนร้าย ซึ่งเคยจัดทำเป็นแฟ้มไว้ตามโรงพักต่างๆ ให้นำรูปประวัติของบุคคลที่เคยกระทำผิดเข้ามาใส่ในเวปไซท์ ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดเวปไซท์ขึ้นเป็นผังรวม ขณะนี้เวปไซท์ PDC หรือ Police Data Center จะประกอบ 5 เมนูหลัก คือ 1.เมนูบุคคลที่มีหมายจับ ขณะนี้มีข้อมูลในเวปไซท์นี้แล้ว 850,000 กว่าหมาย 2.บุคคลพ้นโทษขณะมีข้อมูลอยู่ในเวปไซท์ประมาณ 350,000 คน 3.ประวัติบุคคลต้องโทษที่เก็บตามโรงพักต่างๆ รวมทั่วประเทศมีอยู่ประมาณ เกือบ 2 ล้านข้อมูล 4.เมนูรถหาย 5.ลายเส้น Paste ถ้าโครงนี้ประมาณเดือนเมษายนสำเร็จ เจ้าหน้าที่สายตรวจและจราจร สามารถเช็คประวัติบุคคลต่างๆจากมือถือใช้ไม่เกิน 1 นาที ฉะนั้นจะเป็นศูนย์รวมการเก็บรวบรวมโดยระบบคอมพิวเตอร์ ประวัติผู้กระทำผิด ประวัติบุคคลมีหมายจับ ประวัติบุคคลพ้นโทษ รวมถึงข้อมูลการแจ้งความหายเป็นเรียลไทม์ จะก่อให้เกิดเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติงานตามท้องถนนรอง ผบ.ตร. กล่าวว่าถึงกรณีเหตุเกิดที่ปลวกแดงนั้น ซึ่งเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เหมือนเจ้าหน้าที่อื่น เพราะมีการพกปืนไปปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเราปฏิบัติกันมาเป็นร้อยๆปีก็ไม่ได้มีปัญหา ฉะนั้นจะเอาเฉพาะเคสแล้วไปสั่งห้ามไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน ผมเชื่อว่าของเราภาพรวมแล้วไม่ต้องห้าม เฉพาะบุคคลและผู้กระทำก็เสียชีวิตไปแล้ว