วันที่ 10 พฤศจิกายน 2558 สถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ จ.พิษณุโลก ประสบปัญหาค่อนข้างรุนแรง สาเหตุเนื่องจากในรอบ 30 ปี นี้ถือว่าปริมาณน้ำในพื้นที่เหลือน้อยที่สุด ซึ่งจากการสำรวจพื้นที่ปลูกข้าวนาปี ทั้งจังหวัดพิษณุโลก พบว่ามีนาข้าวเสียหายมากถึง 5-6 หมื่นไร่ โดยเฉพาะพื้นที่อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ที่ปีนี้ สถานการณ์น้ำในแม่น้ำยมน้อยมากที่สุด น้ำไม่ล้นตลิ่งท่วมพื้นที่เป็นปีที่สองติดต่อกันแล้ว ช่วงฤดูฝนที่ผ่านมา( สิงหาคม-ตุลาคม 2558 ) ก็ปล่อยพื้นที่ว่างเปล่าไม่ทำนา เนื่องจากเกรงว่าน้ำจะท่วม และเมื่อเข้าถึงเดือนพฤศจิกายนจึงเร่งลงมือทำนาปรังกันแทบทุกตำบล
จากการออกสำรวจพื้นที่เกษตรในพื้นที่ต.บางระกำ ต.ท่านางงาม ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก พบว่ากลุ่มชาวนาได้ลงมือทำนาปรังกันอย่างคึกคัก ได้ปรับพื้นที่ไถนา หว่านข้าว บางจุดมองเป็นแปลงนาเริ่มเขียวไปด้วยต้นข้าวเต็มท้องนา แม้ว่ารัฐบาลจะได้ออกประกาศเตือนเรื่องปริมาณน้ำต้นทุนที่มีต่ำมาก ไม่สามารถปล่อยน้ำเพื่อการเกษตรได้ แต่ชาวนาในเขตอ.บางระกำ ก็ได้เตรียมการสำหรับแหล่งน้ำหลายด้าน ในแต่ละแปลงต่างมีบ่อบาดาลน้ำตื้นของตนเอง ความลึกประมาณ 10 เมตร สำหรับสูบน้ำขึ้นมาใช้ทำนา ขณะที่ตามลำคลองสาขาแม่น้ำยมก็มีการทำแหล่งกักเก็บน้ำสำรองไว้ใช้ในการทำนารอบแรกและช่วงฤดูแล้ง ปี 2559
นายทองหล่อ จันทร์ทรัพย์ อายุ 51 ปี ชาวนาในพื้นที่ หมู่ 7 ต.บางระกำ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก กล่าวว่า ได้ลงมือทำนาปรังรอบแรกในพื้นที่ 15 ไร่ ในพื้นที่ หมู่ 10 ต.ท่านางงาม หลังจากนาที่ทำในรอบที่ผ่านประสบปัญหาสภาพอากาศที่แปรปรวนส่งผลให้ต้นข้าวแห้งไม่สมบูรณ์ หากปล่อยไว้ผลผลิตจะไม่สมบูรณ์จึงได้ไถกลบต้นข้าวเดิมทิ้งทั้ง 15 ไร่ทั้งที่ลงทุนไปแล้วกว่า 2 หมื่นบาท สำหรับการทำนาปรังรอบแรกนี้ เรื่องน้ำไม่ใช่ปัญหา เพราะใช้น้ำจากบ่อบาดาลน้ำตื้นเป็นหลัก จึงเริ่มลงมือหว่านในเดือน พฤศจิกายน 2558 เก็บเกี่ยว กุมภาพันธ์ 2559 และจะเริ่มทำนาในรอบที่ 2 ประมาณช่วงเดือนเมษายน ? สิงหาคม 59 หลังจากช่วงฤดูฝนที่ผ่านมาไม่ได้ทำนา ปล่อยพื้นที่ว่างเปล่า เพราะเกรงว่าน้ำจะท่วมนาข้าวเสียหาย แต่น้ำปีนี้น้อยมาก ไม่ท่วมพื้นที่
ประสงค์ ออมพลศิริ รองนายก อบต.ท่านางงาม อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก กล่าวว่า ฤดูแล้งปีนี้ ชาวนาพื้นที่ ตำบลท่านางงาม ส่วนใหญ่ปลูกข้าวทำนาเต็มพื้นที่ เพราะของเรานอกเขตชลประทาน ชาวนายังคงทำนา เนื่องจากสภาพพื้นที่เป็นดินเหนียว ไม่เหมาะสมกับปลูกพืชอื่น ทางชาวบ้านได้ใช้น้ำจากน้ำยมที่กักเก็บและเสริมด้วยน้ำบาดาลของแต่ละคน โดยบ่อบาดาล ชาวนาทุกรายลงทุนขุดเจาะครั้งละกว่าแสนบาทต่อบ่อ แต่ก็ยอม เพราะพื้นที่ไม่สามารถทำอย่างอื่นได้ ทำให้ชาวนายังคงฝืนนโยบายของรัฐบาลในการทำนาเช่นเดิม ส่วนนโยบายเสริมที่จะเข้ามาช่วยเหลือก็ยอมรับ แต่จะไม่ยอมหยุดการทำนา โดยมั่นใจว่าน้ำจากบ่อบาดาล จะทำให้มีน้ำเพียงพอตลอดการทำนาปรังนี้แน่นอน
นางรติฬส มีคำแหง ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่า สถานการณ์ภัยแล้งของจังหวัดพิษณุโลก จากการได้รับรายงานในภาพรวมขณะนี้พบความเสียหายแล้วกว่า 5 หมื่นไร่ โดยเฉพาะพื้นที่ ต.ดงประคำ ต.ทับยายเชียง อ.พรหมพิราม พื้นที่นอกเขตชลประทาน พบว่าข้าวนาปีที่ตั้งท้อง ประสบปัญหาเมล็ดฝ่อ เนื่องจากน้ำน้อยไม่เพียงพอ โดยมีพื้นที่เสียหายประมาณ 3 หมื่นไร่ ขณะที่หลายอำเภอประสบปัญหาภัยแล้ง เนื่องจากปีนี้น้ำน้อยสถานการณ์รุนแรงที่สุดในรอบ 30 ปี ปริมาณน้ำฝนจากปี 2555-2557 ปริมาณน้ำฝนมีมากถึง 1,300 มิลลิเมตร แต่ปีนี้มีปริมาณน้ำฝนเพียง 700 มิลลิเมตรเท่านั้น ปริมาณน้ำที่น้อยส่งผลกระทบต่อนาปีและนาปรังในปีนี้ซึ่งทางชลประทานได้มีประกาศห้ามชาวนาทำนา เนื่องจากน้ำในเขื่อนน้อยมาก