รมว.ก.ทรัพยฯวางมาตรการแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ

1446791178526รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมผู้ว่าราชการ 9 จังหวัดภาคเหนือ หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง จัดประชุมหาแนวทางการป้องกัน และแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควันภาคเหนือ การป้องกันรักษาพื้นที่ป่า1446791208826
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 6 พ.ย. 2558 ที่สโมสรบันเทิงทัพ กองทัพภาคที่ 3 ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จ.พิษณุโลก พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานในการประชุมเพื่อมอบแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ และการป้องกันรักษาพื้นที่ป่า การแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินป่าไม้ 1446791183157โดยมี ดร.วิจารย์ สิมาฉายา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ดร.ชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ พล.ต.ธนา จารุวัต รองแม่ทัพภาคที่ 3 พร้อมด้วยผู้ว่าราชการจังหวัด 9 จังหวัดภาคเหนือ และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้1446791190134
โดยในที่ประชุมได้หารือกันร่วมสรุปสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันที่เกิดขึ้นในปี 58 ซึ่งในปีนี้นับได้ว่าพื้นที่ภาคเหนือได้รับผลกระทบจากปัญหาไฟไหม้ป่า หมอกควัน จากการเผาหญ้าของการเกษตร รวมถึงปัญหาหมอกควันจากประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งในพื้นที่ภาคเหนือที่ได้รับผลกระทบสูงสุด คือพื้นที่ จ.ลำปาง รองลงมา คือ จ.ตาก และ จ.เชียงใหม่ สิ่งที่น่ากังวลมากที่สุด คือ นอกจากปัญหาหมอกควันแล้วยังมีฝุ่นละอองขนาดเล็ก ที่มีผลกระทบต่อประชาชนด้วย ซึ่งจากการประชุมในครั้งนี้ ได้การวางมาตรการแนวทางการแก้ไขปัญหา ในเรื่องของไฟป่าและหมอกควัน โดยเตรียมเสนอ ครม. ตั้งหน่วยงานดับไฟป่าแห่งชาติขึ้นในปี 59 เพื่อเป็นหน่วยงานในการขับเคลื่อนสกัดไฟป่า โดยเฉพาะในพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติต่างๆ ให้เกิดความรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมุ่งหวังให้การดำเนินการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินป่าไม้ ไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือให้สำเร็จเป็นรูปธรรม โดยกองทัพภาคที่ 3 พร้อมที่จะสนับสนุนและปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานป่าไม้ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างเต็มความสามารถ เพื่อรักษาทรัพยากรสำคัญของชาติ ทั้งป่าไม้และต้นน้ำลำธารให้คงอยู่ฟื้นฟูให้มีความอุดมสมบูรณ์ สร้างความมั่นคงให้กับประเทศชาติอย่างยั่งยืน
1446791213372พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ในวันนี้ได้มีการประชุมระหว่างตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปลัดกระทรวง รองปลัดกระทรวง ผู้ตรวจ อธิบดีกรม ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 9 จังหวัด ที่มีปัญหาด้านหมอกควันไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือ 9 จังหวัด ตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ร่วมกันประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน เพื่อนำไปแก้ไขปัญหาในปี 58 – 59 โดยถือให้วันนี้เป็นวันดีเดย์เริ่มต้นในการร่วมมือกันแก้ไขปัญหา เพื่อหยุดยั้งปัญหาระยายาว โดยแนวทางการป้องกันได้มองไปถึงการพูดคุยในระดับ อำเภอ หมู่บ้าน เพื่อให้เจ้าถึงจุดเกิดเหตุได้รวดเร็ว โดยมีเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่อุทยานสนธิกำลังนำอุปกรณ์ดับไฟป่าเข้าไปดำเนินการเพื่อหยุดยั้งปัญหาให้ได้ ถ้าทำสำเร็จก็สามารถหยุดไฟไหม้ป่า และปัญหาหมอกควันได้
ส่วนสถานการณ์ปีนี้มีได้การเฝ้าระวังในพื้นที่เสี่ยงเกิดไฟป่า ปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ การเผาพื้นที่การเกษตร พื้นที่ริมทาง โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน จ.ลำปาง จ.เชียงใหม่ และ จ.ตาก โดยได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีปัญหาดูแลเป็นพิเศษ นอกจากนี้ได้นำมาตรการทางกฎหมายมาบังคับใช้กับผู้กระทำความผิด ซึ่งปีที่ผ่านได้ใช้กฎหมายจับกุมผู้กระทำผิด 87 ราย แต่ในปีนี้ไม่ได้มีคำสั่งให้จับผู้กระทำผิดมากขึ้น ให้เน้นปลูกจิตสำนึกทำความเข้าใจกับประชาชนให้เห็นถึงปัญหาของการเผาป่า ว่ามีความรุนแรงส่งผลเป็นบริเวณกว้าง จากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์เพียงคนเดียว กระทบประชาชนเป็นหมื่นเป็นแสนคน กระทบเศรษฐกิจ การดำรงชีวิต นอกจากหมอกควันที่เป็นปัญหายังมีฝุ่นละอองขนาดเล็กกระทบต่อคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่เกิดเหตุดังกล่าว การแก้ไขคงต้องวิงวอนขอร้องผู้ที่เคยเผาป่าต้องหยุด ถ้าไม่หยุดก็จะใช้กฎหมายอย่างจริงจัง อีกทั้งต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของคนหยุดการทำไร่เลื่อนลอยแล้วเผาวัชพืชทิ้ง โดยจะส่งให้นักวิชาการเข้าไปชี้แจงหาวิธี ว่าถ้าไม่เผาวัชพืชจะทำอย่างไรได้ เพื่อไม่ให้เกิดการเผาจนเกิดหมอกควัน
ส่วนกรณีเขาหัวโล้นจะมีการบังคับใช้กฎหมายมาตรา 25 ตัดสวนยางพาราที่บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนนั้น วันนี้ได้มีการพูดคุยผลการทำงานได้ตามเป้าหมาย รักษาทรัพย์แผ่นดินที่บรรพบุรุษรักษาไว้มานานนับพันปี โดยทางเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบจะดูแลทั้งเรื่องของผู้มีอิทธิพล นายทุน ให้เลิกการบุกรุกพื้นที่ป่า ซึ่งก็สอดคล่องกับนโยบายรัฐบาลที่เร่งให้มีการปราบปรามอิทธิพล หรืออำนาจมืด ในห่วง 6 เดือนนี้
ส่วนกรณีปัญหาภูทับเบิก อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ นั้น ที่ผ่านมามีธรรมชาติสวยงาม ทำให้มีคนอยากขึ้นไปท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก แต่เนื่องจากพื้นที่ไม่มีการจัดระเบียบเรียบร้อยมาก่อน แต่ก็ไม่สายจนเกินไป ซึ่งทางกระทรวงพัฒนาสังคมจะเข้าไปจัดระเบียบวางแผนผัง ให้เกิดความเป็นระเบียบร้อยร้อย ไม่ให้เกิดความเสียหาย สร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว ซึ่งหลังจากมีการจัดระเบียบพื้นที่ภูทับเบิก ผลต่อมาก็จะทำให้เป็นระเบียบถูกต้องมากขึ้น มีความปลอดภัยมากขึ้น เพราะเนื่องจากปัจจุบันพบว่ามีรีสอร์ทที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ลาดชัน ถ้าหากมีฝนตกหนักอาจเกิดการพังทลายเป็นอันตรายกับนักท่องเที่ยวได้ อย่างไรก็ตามขอให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ ร่วมมือในการป้องกันแก้ไขและร่วมจัดระเบียบในพื้นที่ให้ถูกต้องตามกฎหมายบ้านเมืองด้วย.
……………………………………………………………………………………………

แสดงความคิดเห็น