เมื่อเวลา 14.00 วันที่ 3 พฤศจิกายน 2558 ที่ชุมชนท่ามะปราง กองพลทหารราบที่ 4 เทศบาลนครพิษณุโลก บริษัทเอ็มเอสเอส เคเบิลเน็ตเวิร์ค จำกัด ได้จัดพิธีมอบถุงยังชีพ จำนวน 100 ราย สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำน่าน และส่งมอบแพที่พักอาศัยตามโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยให้กับผู้ด้อยโอกาสและผู้ยากไร้ โดยได้รับเกียรติจากคุณจุรีภรณ์ นิลบรรเจิดกุล ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองทัพภาคที่ 3 เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย พล.ต.นพพร เรือนจันทร์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 4 นายบุญทรง แทนธานี นายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก และ นายศุภชัย สิธานนท์ บรรณาธิการข่าว บริษัท เอ็มเอสเอส เคเบิลเน็ตเวิร์ค จำกัด
ตามที่ผู้จัดงานได้ตระหนักถึงควมสำคัญของการพัฒนาคุณภาพชีวิต และสร้างความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยแก้ผู้ด้อยโอกาสทางสังคม จึงได้มีการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ องค์กร สมาคม ชมรม ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ให้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือและร่วมพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ยากไร้ เพื่อปรับปรุงที่อยู่อาศัยให้มีความเหมาะสมต่อการพักอาศัยอย่างถูกสุขอนามัย และมาตรฐานการดำรงชีวิต อันจะเป็นการส่งเสริมให้ครอบครัวมีความสุข และมีคุณภาพชีวิตที่ดี รวมทั้งสร้างคุณค่าให้ผู้ด้อยโอกาส ได้รับการดูแลด้านสิทธิอย่างเท่าเทียมกันในสังคม
จากการดำเนินงานที่ผ่านมา ทางบริษัทเอ็มเอสเอส เคเบิลเน็ตเวิร์คจำกัด ได้ร่วมกับกองพลทหารราบที่ 4 เทศบาลนครพิษณุโลก ช่วยกันขับเคลื่อนและผลักดันให้การดำเนินงานประสบผลสัมฤทธิ์อย่างสูงสุด จากการจัดกิจกรรมลูกทุ่งสัมพันธ์วันรักแม่ เมื่อต้นเดือนสิงหาคม 2558 ที่ผ่านมา เพื่อหาเงินสนับสนุนงบประมาณในการก่อสร้างแพที่พักอาศัย จำนวน 70,000 บาท ให้กับครอบครัว นางสาวละเอียด เนียมสุด ที่ประสบปัญหาแพพังและทรุดตัวทั้งหลัง ไม่สามารถพักอาศัยอยู่ได้
และนับเป็นโอกาสดีที่สมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองทัพภาคที่ 3 และกองพลทหารราบที่ 4
ได้นำ ได้นำถุงยังชีพและเครื่องอุปโภคบริโภค มอบให้แก่ชาวแพที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำน่าน
แต่เดิมนั้น วิถีคนพิษณุโลกจะปลูกบ้าน อาศัยอยู่ริมแม่น้ำน่าน โดยยึดเส้นทางของแม่น้ำน่านเป็นวิถีการดำเนินชีวิต การประกอบอาชีพ จึงมีชุมชนชาวแพเกิดขึ้น ประมาณ กว่าหลังคาเรือน และในปี พ.ศ. 2540 ภาครัฐได้จัดสวัสดิการด้านที่อยู่อาศัยให้ชาวแพ ให้มีกรรมสิทธิ์ ในที่ดินและปลูกสร้างบ้าน จำนวน 300 กว่าหลังคาเรือน ณ หมู่ที่ 10 ต.อรัญญิก แต่ยังมีชาวแพที่เป็นผู้มีรายได้น้อย ไม่สามารถมีกรรมสิทธิ์ที่ดินปลูกสร้างบ้านได้ และยังต้องอาศัยอยู่ในริมแม่น้ำน่านอีกจำนวน 136 หลังคาเรือน ซึ่งทางเทศบาลนครพิษณุโลก ได้ช่วยเหลือให้ปลูกสร้างแพบริเวณริมแม่น้ำ และออกทะเบียนบ้านประกอบเลขที่แพ ให้ชาวแพได้รับสิทธิประโยชน์ด้านสวัสดิการจากภาครัฐในด้านอื่น ซึ่งทำให้บุคคลเหล่านั้นมีความมั่นคงและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น