เวลา 08.30 น.วันที่ 31 ตุลาคม 2558 ที่อาคารเก็บศพโรงพยาบาลพุทธชินราช อ.เมืองพิษณุโลก พี่ชายคนโตของเสี่ยอู๊ด หรือ นายสิทธิกร บุญฉิม นักสร้างพระชื่อดัง ที่เสียชีวิตในโรงแรมแห่งหนึ่งในตัวเมืองพิษณุโลกโดยพบศพเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2558 พี่ชายคนโตของเสี่ยอู๊ด นายเชาวลิต บุญฉิม เดินทางมาพร้อมน้องชายของเสี่ยอู๊ด นายธวัชชัย บุญฉิม มาติดต่อเพื่อขอรับศพเสี่ยอู๊ดไปที่บ้านเกิดที่จังหวัดระยอง โดยช่วงเช้านายธวัชชัย น้องชายของเสี่ยอู๊ดได้ดำเนินเรื่องเอกสารที่สภ.เมืองพิษณุโลกและเทศบาลนครพิษณุโลก เพื่อทำเรื่องนำหลักฐานนำร่างออกจากโรงพยาบาลพุทธชินราช
นายเชาวลิต บุญฉิม พี่ชายคนโตของเสี่ยอู๊ด อยู่ในการอาการเสียใจมาก หลังจากทราบข่าวน้อยชายเสียชีวิตที่พิษณุโลกช่วงบ่ายวานนี้ก็เดินทางมาที่พิษณุโลกทันที และให้ข้อมูลผู้สื่อข่าวว่า เสี่ยอู๊ดเป็นน้องชายคนที่สามจากพี่น้องทั้งหมด5คน ทราบข่าวน้องเสียชีวิตก็เดินทางจากระยองมาพิษณุโลกทันทีตั้งแต่เมื่อวานนี้พร้อมน้องชายอีกคน เสียใจมาก ได้เห็นสภาพน้องแล้วรับไม่ได้ ที่ผ่านมาเสี่ยอู๊ดห่างกับพี่น้องไปนาน แต่ในฐานะพี่ชายคนโตก็จะนำร่างน้องกลับไปที่บ้านเกิด ส่วนจะดำเนินการพิธีศพอย่างไรก็จะปรึกษาญาติก่อน แต่ก็บำเพ็ญกุศลตามประเพณี กระทั่งเดินเรื่องเอกสารเสร็จ จึงนำร่างเสี่ยอู๊ดใส่โลงและใส่กู้ภัยข่าวภาพพิษณุโลกอาสานำรถขนร่างเสี่ยอู๊ดไปส่งที่ระยอง
โดยออกจากโรงพยาบาลพุทธชินราชในเวลา 12.00 น. ไปวัดสุวรรณรังสรรค์ หรือ วัดยายร้า วัดบ้านเกิด ที่เสี่ยอู๊ดทำบุญวัดนี้ไว้มาก เป็นที่เก็บอัฐิของพ่อแม่เสี่ยอู๊ด ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง
นอกจากพี่ชายคนโตที่เดินทางมารับศพเสี่ยอู๊ดแล้ว ยังมีอาจารย์ดารุณ คงทรัตน์ หรือ อาจารย์ตุ๊กแก หัวหน้างานแนะแนวโรงเรียนบ้านฉางกาญจนกุลวิทยาและลูกชายของอาจารย์ดารุณ คือ นายเปียโน. คงทรัตน์ ได้เดินทางมารับศพที่พิษณโลกด้วย
นางดารุณ คงทรัตน์ เปิดเผยว่า ตนเป็นคนที่รู้จักมักคุ้นกับนายสิทธิกรเป็นอย่างดี เคยทำงานร่วมกันตั้งแต่ปี2546 หลังจากพบเจอกันในงานทอดกฐินที่วัดยายร้า อ.บ้างฉาง จากนั้น นายสิทธิกร ก็ได้จัดงานเยาวชนสร้างสรรค์ต้านยาเสพติดจัดกิจกรรมวอร์คแรลี่ และมอบทุนการศึกษาให้นร.รร.บ้านฉาง ที่มอบทุนทั้งระดับม.ต้นจนถึงมหาวิทยาลัยไปแล้ว 57 ทุน และทำมาอย่างต่อเนื่อง มอบทุนให้นักเรียนเรียนดี ประพฤติดีระดับ ม.ต้นทุนละ 18,000 บาทต่อปี และระดับมหาวิทยาลัยทุนละ 48,000 บาทต่อปี มีนักเรียนที่บ้านฉางจบการศึกษาระดับปริญญาตรีแล้วหลายราย จนเด็ก ๆ นักเรียนที่นี่จะเรียกนายสิทธิกรว่า คุณครูไม้บรรทัด พี่ชายที่แสนดี ผู้ใหญ่ใจดี เทวดาของน้อง ๆ เพราะเมื่อนายสิทธิกรมาร่วมมอบทุนให้ จะมอบไม้บรรทัดให้เด็ก จะเขียนแง่คิดติดลงบนไม้บรรทัดด้วย นอกเหนือจากการบริจาคเงินสร้างศาสนสถาน ที่วัดยายร้า ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ที่นายสิทธิกรทำอย่างสม่ำเสมอ
นางดารุณ เผยต่อว่า อยากให้สังคมมองด้านความดีของคุณสิทธิกรบ้าง บริจาคเงินเพื่อการกุศลจำนวนมาก เมื่อครั้งต้องโทษก็มีสะดุดการมอบทุนไปบ้าง เมื่อทราบข่าวนายสิทธิกรเสียชีวิต ตนและลูกชายจึงได้เดินทางมาที่พิษณุโลกทันทีเพื่อร่วมรับศพกลับบ้านเกิดที่ จ.ระยอง
นายเปียโน คงทรัตน์ อายุ 24 ปี ชาว จ.ระยอง ที่สนิทกับเสี่ยอู๊ดและเดินทางมารับศพเปิดเผยว่า ตนจะคุยโทรศัพท์และคุยไลน์กับนายสิทธิกรเป็นประจำ ครั้งสุดท้ายคุยไลน์กันเมื่อ26ต.ค.ที่ผ่านมา นายสิทธิกรไม่ได้ป่วยเป็นมะเร็ง ที่พบถุงยาเป็นถุงยาศูนย์มะเร็งรพ.ลพบุรีที่นายสิทธิกร บริจาคเงินให้ จริง ๆแล้วนายสิทธิกรป่วยเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบ โรคความดัน น้ำตาลในเลือดสูง เบาหวาน ตนขายประกันชีวิตของเอไอเอ ตนสอบถามข้อมูลแล้ว ทำประกันไม่ได้ เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาหยุดกินยาที่รักษาโรคประจำตัว จนถึงกลับเข้านอนรักษาตัวในโรงพยาบาลมาแล้ว บอกกับตนว่าหยุดกินยา และตนไม่เชื่อว่านายสิทธิกรจะกินยาตาย น่าจะเลือกที่หยุดกินยาโรคประจำตัวมากกว่า
ร.ต.ท.อำนาจ อ่อนปาน ร้อยเวรเจ้าของคดี เปิดเผยว่า จากการเสียชีวิตของนายสิทธิกร บุญฉิม ทางน้องคือชาย นายธวัชชัย บุญฉิม อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 79 หมู่ 5 ต.สำนักท้อน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ได้นำหลักฐานเอกสารการสั่งเสียของนายสิทธิกรมาแสดงต่อพนักงานสอบสวน โดยก่อนก่อนเหตุ นายสิทธิกรได้กลับภูมิลำเนา มาหานายธวัชชัยเมื่อต้นเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และได้สั่งเสียให้น้องชายทำตามเดิมก็คิดว่าเป็นการพูดเล่น ๆ เตรียมตัวตาย สั่งห้ามนำศพกลับเมื่อนำในสั่งเสียมาเทียบกับเอกสารที่เขียนในห้องพักในโรงแรมเป็นรายมือเดียวกัน และน้องชายยืนยันเป็นรายมือของนายสิทธิกรพี่ชายของตนเอง ส่วนเรื่องการเสียชีวิตน้องชายไม่ได้ติดใจเหตุการณ์เสียชีวิต เพราะไม่มีร่องรอยการถูกทำร้ายใดใด ส่วนแนวทางการสอบสวนของตำรวจ แพทย์เป็นแนวเดียวกัน แต่ยังต้องรอผลการชันสูตรยืนยันสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้ง ส่วนเรื่องอาการป่วยนายสิทธิกรไม่ได้เป็นโรคมะเร็ง แต่ป่วยเป็นโรคเลือดเลี้ยงสมองไม่พอ โรคความดัน และโรคเบาหวาน แต่ไปรักษาตัวที่ศูนย์รักษาโรคมะเร็งลพบุรี อีกทั้งนายสิทธิกรอยู่ไม่เป็นหลักแหล่งนับตั้งแต่ออกจากเรือนจำก็เดินทางไปหลายแห่ง แต่ตลอดเวลาก็มีการคุยกับน้องชายคนนี้ตลอด และก่อนเสียชีวิตยังเล่นไลน์กับน้องชาย จนยาออกฤทธิ์ แล้วก็ฟุบไป โดยที่น้องชายก็ไม่ทราบว่าเสียชีวิต