เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 4 ต.ค. พ.ต.อ.จรัญ บุญมี พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งมีคนถูกอาวุธปืนยิงได้รับบาดเจ็บ บริเวณทางเข้าตลาดอินโดจีน ห่างจากถนนเส้นพิษณุโลก-วังทอง ฝั่งขาออกเข้าเมืองประมาณ 50 เมตร ใกล้กับสถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 หมู่ 7 ต.สมอแข อ.เมืองพิษณุโลก หลังรับแจ้งจึงรีบรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.ต.วีระพล กันธวงศ์ สว.สส.สภ.เมืองพิษณุโลก เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจำนวนหนึ่ง และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิประสาทบุญสถาน ที่เกิดเหตุพบเพียงกองเลือด ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ ทราบชื่อต่อมา คือ นายยันน่า อายุ 31 ปี ชาวพม่า มีบาดแผลถูกอาวุธปืนไม่ทราบขนาดยิงถากเข้าที่หน้าอก 1 แห่ง เป็นแผลยาวกว่า 20 ซม. เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้เร่งให้การช่วยเหลือนำตัวส่งห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลพุทธชินราช ขณะนี้อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว และอยู่ในการดูแลของแพทย์
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่ติดตามหาตัวคนร้าย จนสืบทราบว่าผู้ที่ก่อเหตุ คือ นายกิตติ นิ่มนวล อายุ 59 ปี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของร้าน พ.แทรคเตอร์กำแพงเพชร สาขาพิษณุโลก ตั้งอยู่เลขที่ 666/23 หมู่ 7 ต.สมอแข อ.เมืองพิษณุโลก ที่อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 100 เมตร โดยขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจปิดล้อมจับกุมนั้นนายกิตติ ยินยอมมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่โดยดี จากนั้นจึงทำการตรวจค้นภายในตัวพบอาวุธปืนพกสั้นขนาด .38 แบบไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก กระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 8 นัด ปลอกกระสุปืนที่ถูกยิงไปแล้ว 1 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ขณะที่ นายกิตติ นิ่มนวล ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุขณะที่ตนเองกำลังทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ที่หน้าร้านดังกล่าว มีชายวัยรุ่นจำนวน 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดที่หน้าร้าน จากนั้นวัยรุ่นคนหนึ่งได้เดินลงมาฉี่ใส่เสาไฟฟ้า ตนจึงเดินไปว่ากล่าวและตะโกนไล่ให้ไปฉี่ที่อื่น จนทำให้ชายวัยรุ่นไม่พอใจเดินกลับไปที่รถและเปิดเบาะขึ้นเหมือนจะหยิบอะไรบางอย่าง ตนเองเห็นท่าไม่ดีเกรงว่าชายวัยรุ่นอาจจะไปหยิบอาวุธที่ซ้อนไว้ใต้เบาะมาทำร้าย จึงชักอาวุธปืนที่เหน็บอยู่ข้างเอวออกมายิงขู่จำนวน 1 นัด แต่ไม่ทราบว่ากระสุนถูกหรือไม่ ทำให้วัยรุ่นทั้งสองคนกระโดดซ้อนรถจักรยานยนต์หลบหนีไปในที่สุด กระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวเอาไว้ได้ถึงทราบว่าชายวัยรุ่นถูกตนยิงได้บาดเจ็บ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาไปดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บนั้นจะได้ทำการสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่ง เพื่อสรุปหาสาเหตุข้อเท็จจริงประกอบสำนวนคดีต่อไป.
/////////