วันที่ 22 กันยายน 2558 นายสมหวัง ปารสุขสาร ผู้อำนวยการฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ต.คันโช้ง อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก เปิดเผยว่า ในฤดูปี 2558 นี้ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดนมีปริมาณน้ำเก็บเก็บในระดับที่ต่ำมาก เนื่องจากปริมาณฝนที่ตกน้อย และ ไม่ต่อเนื่อง ปริมาณน้ำที่ไหลเข้าเขื่อนอยู่ในเกณฑ์ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของทุกปีถึงหนึ่งเท่าตัว ปริมาณน้ำ ณ วันที่ 22 กันยายน 2558 มีปริมาณน้ำกักเก็บแค่ 277 ล้านลูกบาศก์เมตร ( ล้านลบ.ม. ) หรือ คิดเป็น 29.56 % ของความจุเขื่อนที่ 939 ล้านลบ.ม. มีปริมาณน้ำใช้การได้ 234.5 ล้านลบ.ม. หรือ 24.9 % เป็นสถานการณ์ที่เหมือนกับเขื่อนหลักในภาคเหนือทั้งเขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนภูมิพล ที่ปีนี้ มีปริมาณน้ำกักเก็บได้ต่ำมาก โดยขณะนี้ เขื่อนแควน้อยได้ปรับลดการระบายน้ำลงมาอีก เหลือเพียง 6 ลบ.ม.ต่อวินาที หรือ หรือวันละ 5 แสนลบ.ม. เพื่อจะกักเก็บน้ำไว้ให้มากที่สุด
นายสมหวัง เผยต่อว่า จากการเก็บสถิติปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนแควน้อยย้อนหลังเปรียบเทียบในช่วงเวลาเดียวกันจากต้นปีถึงเดือนกันยายน จะเห็นได้ชัดว่า ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนแควน้อยปีนี้อยู่ในเกณฑ์ต่ำมาก มกราคม-กันยายน ปี 2552 มีน้ำไหลเข้า 827 ล้านลบ.ม. ปี 2553 มีน้ำไหลเข้า 938 ล้านลบ.ม. ปี 2554 มีน้ำไหลเข้า 2,224 ล้านลบ.ม. ปี 2555 มีน้ำไหลเข้า 807 ล้านลบ.ม. ปี 2556 มีน้ำไหลเข้า 980 ล้านลบ.ม. ปี 2557 มีน้ำไหลเข้า 774 ล้านลบ.ม. ขณะที่ตั้งแต่มกราคม-กันยายน 2558 มีน้ำไหลเข้า 341 ล้านลบ.ม. และจากเดิมที่คาดการณ์ว่าฤดูฝนปีนี้ จะสามารถกักเก็บน้ำได้ 59 % แต่คาดว่าระยะเวลาที่เหลือฝนตกอยู่แค่ 1 เดือน ปีนี้เขื่อนแควน้อยคงสามารถกักเก็บน้ำได้แค่ 40 % เท่านั้น
กรมชลประทานได้ติดตามสถานการณ์น้ำมาโดยตลอดเพื่อประเมินสถานการณ์และแผนบริหารการจัดการน้ำ ในส่วนของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ในปี 2559 จะงดการส่งน้ำเพื่อการเกษตรแน่นอน ในพื้นที่ชลประทาน 1.5 แสนไร่ ปริมาณน้ำที่กักเก็บอยู่ต้องบริหารจัดการน้ำร่วมกันทั้งเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน การจัดการน้ำในปีหน้า การระบายน้ำต้องระบายน้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศน์ และเพื่อการอุปโภค ผลิตน้ำประปา ขณะที่น้ำเพื่อการเกษตรจะพิจารณาเป็นลำดับหลัง เนื่องจากปีนี้ต้นทุนน้ำมีต่ำมาก
ขณะนี้ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ทำการประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรในพื้นที่ชลประทานเขื่อนแควน้อยทราบว่าในฤดูกาลผลิตปี 2559 จะไม่ส่งน้ำเพื่อการเกษตรในพื้นที่ชลประทาน และสำรวจความต้องการปลูกพืชใช้น้ำน้อยของเกษตรกรในพื้นที่ ว่าจะปลูกพืชชนิดใด จำนวนเนื้อที่เท่าไหร่ เพื่อปลูกทดแทนการทำนา ในปีหน้า สถานการณ์น้ำอาจจะดีขึ้น จากการทำฝายชะลอน้ำในพื้นที่ต่าง ๆ ของจ.พิษณุโลกในปีนี้ จะทำให้สามารถเก็บความชื้นในพื้นที่ป่าได้มากขึ้น การทำฝนเทียมในปีหน้า ก็จะมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นกว่าปีนี้