เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 2 ก.ย. 58 ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลสมอแข อ.เมือง จ.พิษณุโลก ร.ต.ต.พงศกร มีพันธุ์ เจ้าหน้าที่สอบสวนอาวุโส สำนักตรวจสอบจริยธรรมและกิจการพิเศษ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมด้วยนายอนันต์ พรหมดนตรี ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.พิษณุโลก นางเรียม พุ่มพงษ์แพทย์ ผอ.สำนักศิลปากรที่ 6 สุโขทัย นายรัชพงษ์ ศิริมี ปลัดอำเภอ หัวหน้าฝ่ายความมั่นคงอำเภอเมืองพิษณุโลก ในฐานะตัวแทนนายอำเภอเมืองพิษณุโลก นางทองม้วน พันธุรี นายก อบต.สมอแข และพระอธิการวันชัย ชะยานันโท เจ้าอาวาสวัดเนินมะคึก ตัวแทนชาวบ้านหมู่ 6 ต.สมอแข ร่วมรับฟังข้อชี้แจ้งกรณี อบต.สมอแข ที่ได้รับงบประมาณจากกรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มูลค่า 61 ล้านบาท เพื่อดำเนินการก่อสร้างโรงงานกำจัดขยะเพื่อผลิตเชื้อเพลิง RDF และปุ๋ยอินทรีย์ แต่สถานที่ก่อสร้างนั้นอยู่ในพื้นที่ 17 ไร่ ของที่ดินสาธารณประโยชน์สามวิหาร หมู่ 6 บ้านเนินมะคึก ต.สมอแข อ.เมืองพิษณุโลก ซึ่งก่อนหน้านี้มีชาวบ้านในพื้นที่จำนวนกว่า 200 คน รวมตัวคัดค้านไม่เอาโรงงานดังกล่าว เนื่องจากเชื่อว่าในจุดก่อสร้างนั้นเป็นวัดโบราณมาก่อนและร้างไปในที่สุด โดยได้ร้องขอให้ทางสำนักศิลปากรที่ 6 สุโขทัย เข้ามาตรวจสอบเบื้องต้นพบเศษกระเบื้องต่างๆ ในชั้นผิวดิน แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ถึงอายุความเก่าแก่ที่ชัดเจน ซึ่งจะต้องของบประมาณมาขุดหน้าดินตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง นอกจากนี้ชาวบ้านอ้างว่าทาง อบต.สมอแข ได้ทำประชาคมกับชาวบ้านไปแล้วถึง 4 ครั้ง แต่ชาวบ้านในพื้นที่ไม่ได้ทราบเรื่องประชาคมแต่อย่างใด จึงได้ยืนหนังสือขอความช่วยเหลือไปที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อเข้ามาตรวจสอบความโปร่งใส พร้อมกับประชุมชี้แจงกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อหาข้อสรุปร่วมกัน
ร.ต.ต.พงศกร มีพันธุ์ เจ้าหน้าที่สอบสวนอาวุโส สำนักตรวจสอบจริยธรรมและกิจการพิเศษ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า จากการประชุมในวันนี้ พบว่าชาวบ้านในพื้นที่ก็ไม่ได้คัดค้านเรื่องโครงการก่อสร้างโรงงานกำจัดขยะ แต่จุดที่จะก่อสร้างนั้นไปอยู่ในที่ดินสาธารณประโยชน์ที่ชาวบ้านใช้ร่วมกัน อีกทั้งคาดว่าที่ดินจุดดังกล่าวเป็นโบราณสถานเก่าแก่มาก่อน ซึ่งชาวบ้านไม่เห็นด้วยหากมีการก่อสร้างโรงงานกำจัดขยะจริงๆ เพราะจะส่งผลกระทบในด้านสิ่งแวดล้อม จึงอยากจะขอให้ทาง อบต.สมอแข สำรวจหาพื้นที่อื่นที่จะสร้างโรงงานกำจัดขยะ โดยให้ชะลอโครงการนี้ไว้ก่อน
โดยทางนายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ก็ได้มีหนังสือไปถึงกรมศิลปากรและสำนักงานพระพุทธศาสนา เพื่อตรวจสอบทะเบียนที่ดินสามวิหาร ว่าจัดอยู่ในทะเบียนพื้นที่โบราณสถานหรือไม่ นอกจากนี้ยังมีหนังสือมายัง อบต.สมอแข ว่าระหว่างการพิสูจน์สิทธิ์ต่างๆ นั้น ให้ชะลอกำหนดการประชาคมเอาไว้ก่อน จนกว่าจะมีความชัดเจน เนื่องจากลงมือทำไปก่อนก็จะสิ้นเปลืองงบประมาณ ทั้งนี้ถ้าหากมีการทำประชาคมเกิดขึ้นแล้ว แต่ชาวบ้านในพื้นที่ไม่เห็นด้วยจำนวนกว่า 80% จะทำให้โครงการดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างได้ หรืออาจต้องพิจารณาหาพื้นที่อื่นๆ เนื่องจากงบประมาณที่จะนำมาก่อสร้างนั้นเป็นงบประมาณของปี 2559 ต้องดำเนินเรื่องให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2558 ถ้าหากชาวบ้านกว่า 80% ทำประชาคมแล้วไม่เห็นด้วย ทาง อบต.สมอแข ก็ยินดีที่จะยกเลิกโครงการดังกล่าว จะไม่ดึงดันก่อสร้างอย่างแน่นอน
ด้าน นายอนันต์ พรหมดนตรี ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.พิษณุโลก กล่าวว่า จากการที่ อบต.สมอแข ต้องการทำโครงการจัดการขยะด้วยตัวเอง และเป็นศูนย์เรียนรู้การทำปุ๋ย ซึ่งทางกรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจึงให้งบประมาณลงมา แต่ที่ดินจุดที่จะสร้างดังกล่าวเกิดปัญหาขึ้น หรือมีประชาชนคัดค้านการออกที่ นสล. (หนังสือสำคัญที่หลวง) ก็ไม่สามารถจัดประชุมในเรื่องขออนุญาตเปลี่ยนสภาพจากการใช้ที่ดินสาธารณะ เพื่อเป็นพื้นที่จัดตั้งโรงกำจัดขยะ RDF ศูนย์เรียนรู้ทำปุ๋ยได้ งบประมาณก็ตกไป เพราะเอกสารลงนามต้องทำให้เสร็จภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2558 ซึ่งตรงนี้ต้องขึ้นอยู่กับ อบต.สมอแข ว่าจะจัดหาที่ดินใหม่ให้ได้ทันหรือไม่ พร้อมกับต้องประสานเรื่องกับกรมศิลปากร ดำเนินการตรวจสอบที่ดินสามวิหาร เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงดำเนินการต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากในที่ประชุมได้ชี้แจงกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อหาข้อสรุปร่วมกันจนแล้วเสร็จ ได้มีชาวบ้าน 2 ตำบล คือ ต.บ้านป่า และ ต.ดอนทอง จำนวนกว่า 100 คน ได้มารวมตัวกันเพื่อยืนหนังสือให้กับ ร.ต.ต.พงศกร มีพันธุ์ เจ้าหน้าที่สอบสวนอาวุโส สำนักตรวจสอบจริยธรรมและกิจการพิเศษ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีการคัดค้านการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานขยะบนพื้นที่จำนวน 60 ไร่ อยู่ด้านหลังวัดบ้านป่าประมาณ 2 กิโลเมตร ที่เป็นผืนนาและมีคลองชลประทานโดยรอบ ซึ่งเป็นโครงการของจังหวัดพิษณุโลก ที่ก่อนหน้านี้ นายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการกำจัดขยะมูลฝอย โดยสร้างโรงงานไฟฟ้าพลังงานขยะกับบริษัทอีโค เวสท์ แมนเนจเม้นท์ จำกัด ในพื้นที่ตำบลบ้านป่า มูลค่า 1,700 ล้านบาทไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2558 โดยชาวบ้านในพื้นที่ไม่เห็นด้วย ถึงผลดีผลเสียของการสร้างโรงงานไฟฟ้าพลังงานขยะ ซึ่งทุกคนต่างคัดค้านและพยายามทำทุกวิถีทางไม่ให้มีการก่อสร้างในพื้นที่ ซึ่งทาง ร.ต.ต.พงศกร มีพันธุ์ ได้รับหนังสือไว้พร้อมกับจะขอตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเป็นเช่นไร และจะลงพื้นที่ตรวจสอบต่อไป โดยชาวบ้านทั้งหมดต่างพึงพอใจและพากันแยกย้ายกลับภูมิลำเนา.