เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 27 สิงหาคม 2558 ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพร้อมด้วยคณะ ฯ เข้าเยี่ยม ชมพื้นที่ดำเนินงานบริหารจัดการน้ำชุมชน ด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ณ ชุมชนนครป่าหมาก ต.นครป่าหมาก อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก ซึ่งทางกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯโดยสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สสนก. ได้สนับสนุนเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น แผนที่ภาพถ่ายจากดาวเทียม GPS สถานีโทรมาตรอัตโนมัติ พร้อมทั้งทำงานร่วมกับชุมชนแก้ไขปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมในพื้นที่จนประสบความสำเร็จ โดยคณะได้ลงพื้นที่เพื่อดูผลการดำเนินงานฟื้นฟูแหล่งน้ำ และโครงสร้างบังคับน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง โดยความร่วมมือของมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สสนก.องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น หรือJICA กองทัพบก อบต.นครป่าหมาก และภาคประชาชน เช่น งานปรับปรุงประตูระบายน้ำสามเรือน งานขุดลอกบึงสลุ คลองโกรงเกรง คลองอินทนินทร์ ฯลฯ สามารถเพิ่มพื้นที่รองรับน้ำได้กว่า 1.28 ล้านลูกบาศก์เมตร
ดร.พิเชฐ กล่าวว่า ในปี 2555 ทางกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯโดย สสนก.และองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น หรือJICA ได้เริ่มเข้ามาสนับสนุนชุมชน นครป่าหมาก วางแผนรับมือน้ำท่วม โดยนำเอาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่นการใช้ GPS เก็บข้อมูลแหล่งน้ำและโครงสร้างของชลศาสตร์ แสดงตำแหน่งบนแผนที่ จัดทำผังน้ำตำบล ติดตามข้อมูลสภาพอากาศ และระดับน้ำจากสถานีโทรมาตรอัตโนมัติ และติดตั้งไม้วัดระดับน้ำ เพื่อประกอบการวางแผนรับมือสถานการณน้ำท่วม และได้ร่วมกับชุมชนดำเนินการพัฒนาการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่แก้ปัญหาภัยแล้งน้ำท่วมซ้ำซากได้สำเร็จ และสามารถเป็นต้นแบบขยายผลไปยังพื้นที่ข้างเคียงได้
นายธนากร ทองประไพ ประธานกลุ่มบริหารจัดการน้ำชุมชนนครป่าหมาก กล่าวว่า เดิมชุมชนนครป่าหมากประสบปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง ในช่วงฤดูฝน แม่น้ำวังทองคลองโกรงเกรงใหญ่ และคลองโกรงเกรงเล็กที่ไหลผ่านตำบล มีปริมาณน้ำมาก น้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรในหลายหมู่บ้าน แต่ในช่วงน้ำแล้ง มีปริมาณน้ำไม่เพียงพอต่อการทำการเกษตร เนื่องจากโครงสร้างสำหรับกักเก็บและระบายน้ำเดิม ไม่สามารถทำได้ แหล่งน้ำเดิมขาดการฟื้นฟู อีกทั้งยังมีการวางแผนบริหารจัดการน้ำ ทำให้ประสบปัญหาเรื่อยมา จนกระทั่งกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯและหน่วยงานต่างๆ เข้ามาให้การสนับสนุนทั้งด้านเครื่องมือ องค์ความรู้ และร่วมกันดำเนินการจนสามารถแก้ไขปัญหาน้ำแล้งน้ำท่วมในพื้นที่ได้สำเร็จ
จากนั้นได้เดินทางไปเยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้หมู่บ้านแม่ข่ายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สร้างศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมและถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการทำการเกษตรให้กับเกษตรกรและผู้ที่สนใจ ที่ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านบางกระน้อย หมู่ 2 ต.นครป่าหมาก อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก มีการเปลี่ยนแนวคิดจากการทำการเกษตรเชิงเดี่ยวมาเป็นการทำการเกษตรแบบผสมผสาน และปรับแผนการเกษตรเพาะปลูกให้สอดคล้องกับภาวะน้ำท่วมน้ำแล้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายสมพงษ์ อ้นชาวนา ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 บ้านบางกระน้อย หมู่ 2 ต.นครป่าหมาก อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก ผู้นำแนวคิด “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” มาปรับใช้เป็นผลสำเร็จ ได้กล่าวว่า ตนเริ่มมองวิถีชีวิตของชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพด้วยการทำไร่ ทำนา เช่นกับชุมชนอื่นๆ รายได้ส่วนใหญ่จึงมาจากการทำนาเพียงทางเดียว และมักได้รับผลกระทบจากปัญหาค่าปุ๋ย ยาฆ่าแมลงที่แพงขึ้นทุกวัน รวมถึงค่าใช้จ่ายภายในครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น ตลอดจนการขาดวินัยในการใช้จ่ายเงินที่สูงกว่ารายได้ทำให้ชาวบ้านส่วนใหญ่ประสบปัญหาหนี้สินเป็นจำนวนมาก การปรับเปลี่ยนมาดำเนินชีวิตตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นในชุมชน โดยเริ่มที่ครอบครัว และกลายเป็นแบบอย่างต่อ ชาวบ้านคนอื่นๆอีกกว่า 104 ครัวเรือน สามารถลดรายจ่ายในการยังชีพได้ อย่างด้วยการ ทำบัญชีรายรับ-จ่ายในครัวเรือน ทำนา ปลูกผักสวนครัว ทำน้ำปลาไว้บริโภคเอง การขุดบ่อเลี้ยงปลา เลี้ยงกบ เลี้ยงเป็ดไว้กินไข่ เลี้ยงวัว ฯลฯ จนสามารถลดค่าใช้จ่ายภายในครัวเรือนได้
นอกจากนี้ ในส่วนของปัญหาด้านแหล่งน้ำ ยังคงมีแหล่งน้ำที่ทางชุมชนร่วมกันบริหารจัดการวางแผนการใช้น้ำร่วมกัน และสามารถดึงน้ำจากใต้ดินขึ้นมาใช้ในช่วงฤดูแล้ง 4 เดือน มีการนำน้ำมาใช้ประโยชน์หมุนเวียนภายในพื้นที่ทำการเกษตรอย่างผสมผสานอย่างคุ้มค่าที่สุด