วันที่ 23 ส.ค..58 เวลาประมาณ 07.30 น. รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ภายในเจดีย์วัดเสนาสน์ ต.ท่างาม อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก เจ้าหน้าที่สายตรวจรถยนต์สภ.วัดโบสถ์ พร้อมด้วย สายตรวจรถจักรยานยนต์ และสายตรวจท่างาม ตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลตำบลวัดโบสถ์และอบต.ท่างาม กำลังควบคุมเพลิงที่ลุกไหม้ภายในเจดีย์ หลังเพลิงสงบ ตรวจสอบภายในเจดีย์พบมณฑปที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุเสียหายเกือบทั้งหมด จึงได้ปิดกั้นสถานที่เกิดเหตุ และแจ้งร้อยเวรสอบสวนสภ.วัดโบสถ์เข้าตรวจสอบหาสาเหตุของไฟไหม้ครั้งนี้ และผู้สื่อข่าวจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป
ข้อมูลจากเว็ปไซด์อบต.ท่างาม ให้ข้อมูลว่า วัดเสนาสน์ ตั้งอยู่ที่ 128 หมู่ที่ 1 บ้านสวนป่าน ตำบลท่างาม อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก สังกัดสงฆ์มหานิกาย มีพื้นที่ตั้งวัดเนื้อที่ 10 ไร่ 2 งาน 60 ตารางวา วัดเสนาสน์เป็นวัดโบราณเก่าแก่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยใดไม่มีใครทราบแน่ชัดสันนิษฐานว่าวัดนี้สร้างขึ้นก่อน พ.ศ.1232 และได้มีการย้ายสถานที่ตั้งเสนาสนะหลายครั้งหลายหน นับถึงปัจจุบันได้ 5 ครั้ง
หลักฐานโบราณวัตถุสถานในวัดเสนาสน์ 1.ศาลาการเปรียญ จำนวน 1 หลัง ลักษณะทรงไทยทั่วไป ชั้นเดียวยกพื้นสูง เป็นคอนกรีตเสริมเหล็กขนาดกว้าง 24 เมตร ยาว 42 เมตร ใช้ประโยชน์ในการทำพิธีการทางศาสนาและวันสำคัญต่าง ๆ 2.อุโบสถ จำนวน 1 หลัง เป็นพระอุโบสถศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ ภายในอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปซึ่งเป็นพระประทาน ลักษณะทรงไทย เป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาดกว้าง 6.50 เมตร ยาว 13 เมตร ประโยชน์ใช้ในการทำพิธีอุปสมบท และทำวัตรเช้า – เย็น 3. วิหารคต (วิหารหลวงพ่อโต) จำนวน 1 หลัง ลักษณะทรงไทย เป็นคอนกรีตเสริมเหล็กทั้งหลัง ขนาดกว้าง 8 เมตร ยาว 12 เมตร 4. หอระฆัง จำนวน 1 หลัง ลักษณะทรงไทยวิจิตร 3 ชั้น เป็นคอนกรีตเสริมเหล็กทั้งหลัง ประดับตกแต่งลายปูนปั้น กระจกแก้วสี ติดลูกกรงแก้ว แนวระเบียง ขนาดกว้าง 3 เมตร ยาว 3 เมตร สูง 15 เมตร 5. หอสวดมนต์ จำนวน 1 หลัง ลักษณะทรงไทย 2 ชั้น เป็นไม้เนื้อแข็งทั้งหลัง ขนาดกว้าง 8 เมตร ยาว 10 เมตร (ปัจจุบันใช้ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ) 6. เรือยาว พญาอินทรีย์ จำนวน 1 ลำ ขุดด้วยไม้ตะเคียงขนาดใหญ่ยาว 13 วา บรรจุฝีพายจำนวน 48 คน ได้ทำชื่อเสียงให้แก่หมู่บ้าน วัดหลายสมัย 7. พระบรมสารีริกธาตุ ปูชนียวัตถุอันล้ำค่า เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ประชาชนทั่วไปเคารพนับถือ กราบไหว้บูชา 8. สถูปเจดีย์ จำนวน 1 องค์ ลักษณะย่อมุม 12 เหลี่ยม ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังของวิหาร (หลวงพ่อโต) 9. พระมหาเจดีย์ จำนวน 1 องค์ ลักษณะย่อมุม 12 เหลี่ยม ขนาดความสูง 44 เมตร กว้าง 28 เมตร เพื่อเป็นสถานที่สำหรับประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ เริ่มสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2553
อภินิหารและความศักดิ์สิทธิ์ของพระบรมสารีริกธาตุ จากหลักฐานประวัติศาสตร์การบอกเล่าหรือจากการสัมภาษณ์ผู้สูงอายุในเขตพื้นที่ของอำเภอวัดโบสถ์ จำนวน 150 คน พอสรุปได้ว่า องค์พระบรมสารีริกธาตุที่ประดิษฐานอยู่ที่วัดเสนาสน์จะเสด็จมาที่วัดเสนาสน์และกลับเอง โดยเฉพาะเมื่อใกล้จะวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ของทุกปีนั้น ช่วงระยะกลางดึกจะปรากฏวัตถุเรืองแสงเกาะกันเป็นกลุ่มลอยผ่านหลังคาบ้านเรือน และเมื่อถึงบริเวณที่ตั้งวัดเสนาสน์วัตถุเรืองแสงดังกล่าวนั้นจ ะลอยต่ำลงและหายไปในที่สุด จวบจนกระทั่งพิธีการสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุเสร็จสิ้นลง ในช่วงกลางดึกประมาณเวลาเดียวกัน จะปรากฏวัตถุเรืองแสงลอยขึ้นจากบริเวณที่ตั้งวัดเสนาสน์และเกาะ กันเป็นกลุ่มลอยย้อนกลับไปในทิศที่เห็นในทิศที่เห็นในครั้งแรกดังกล่าว และที่แปลกมากยิ่งขึ้นกล่าวคือ หากในปีใดประชาชนชาววัดเสนาสน์มีความสมัครสมานสามัคคี มีความเป็นอยู่ที่ดีมีความสุข ในปีนั้นก็จะมีพระบรมสารีริกธาตุมาประดิษฐานปรากฏอยู่จนเกือบเต็มโถแก้ว แต่หากในปีใดประชาชนชาววัดเสนาสน์แตกแยกความสามัคคีซึ่งกันและกัน ข้าวยากหมากแพง ในปีนั้น พระบรมสารีริกธาตุจะมาประดิษบานปากฎอยู่น้อยมากจนเกือบหมดโถ
และจากคำบอกเล่าของภิกษุสูงอายุรูปหนึ่งซึ่งสังกัดอยู่ ณ วัดเสนาสน์ คือ “หลวงตาไปล่อินทโชโต” อายุ 96 ปี ได้เล่าให้ฟังว่าเมื่อสมัยก่อนนั้นได้เกิดโรคอหิวาตกโรค (โรคห่า) แพร่ระบาดในหมู่บ้าน เป็นเหตุให้มีชาวบ้านล้มตายเป็นจำนวนมาก สร้างความหวาดกลัวให้แก่ชาวบ้านเป็นอย่างมาก และในครั้งนั้นเองก็ได้มีชาวบ้านบางกลุ่มนำน้ำที่ผ่านการสรงองค์พระบรมสารีริกธาตุแล้ว ไปจุดธูปเทียนกล่าวอธิษฐานและดื่มกิน ซึ่งปรากฏว่าชาวบ้านกลุ่มดังกล่าวสามารถรอดพ้นและปลอดภัยจากโรค ระบาดได้
ดังนั้น เมื่อถึงวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ของทุก ๆ ปี เพียง 1 วันเท่านั้น ที่ทางวัดเสนาสน์จะจัดพิธีสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งมีพุทธศาสนิกชนทั่วไปหลั่งไหลเข้ามาเพื่อนมัสการพระบรมสารี ริกธาตุเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งมีชาวบ้านอีกหลายคนมารอคอยเพื่อรองรับน้ำสรงที่ล้นออก มาจากภาชนะบรรจุองค์พระบรมสารีริกธาตุ นำไปปะพรมคนในครอบครัว บ้านเรือน ไร่นา และอื่น ๆ ให้เกิดความเป็นสิริมงคล ขจัดปัดเป่าความทุกข์นานาประการให้หมดไปจากครอบครัว ตลอดจนตราบถึงปัจจุบันนี้
ขอบคุณภาพจากเทศบาลตำบลวัดโบสถ์